บทความทั่วไป

:: ทุกข์ที่ซ้ำ ช้ำเพราะทุกข์ ::

กะว่าก๋า

 

 

::  ทุกข์ที่ซ้ำ ช้ำเพราะทุกข์  ::




ภาพและคำโดย : กะว่าก๋า

























- 1 -



ข้างนอกหน้าต่าง
ฟ้ามืดทึมเทา
เมฆเคลื่อนตัวลงต่ำ
เหมือนคอยตอกย้ำความเศร้าในชีวิต







- 2-



คนเราจำเป็นต้องมีเหตุผลในการทุกข์หรือเปล่า ?
ถ้ามี --- ทำไมบางครั้งเราจึงรู้สึกเหมือนกับพระเจ้าโหดร้าย
พระองค์ส่งบททดสอบยากๆมาให้เราสม่ำเสมอ
ราวกับพระองค์ไม่เคยทรงเหน็ดเหนื่อยในการสร้างความทุกข์
เพื่อปกโปรดและมอบให้กับผู้คน







- 3 –



ชีวิตนั้นเป็นทุกข์โดยตัวมันเอง
แต่เราไม่จำเป็นต้องเกลือกกลั้วมัวเมาถลำลึก
เรามีสิทธิ์ --- ย้ำ ---- เรามีสิทธิ์
สิทธิ์ที่จะยืนอยู่เหนือทุกข์ทั้งปวง
ที่หลอนลวงดวงใจเราให้เจ็บช้ำกล้ำกลืน







- 4 –



คนที่มีความสุข
ไม่ใช่ชีวิตเขาไม่มีความทุกข์
ทุกคนเกิดมาพร้อมทุกข์
ทุกข์แห่งการเกิด เจ็บป่วย สังขารที่ผุกร่อน
โรคภัยไข้เจ็บ ปัญหาการงาน การเงิน
ความสัมพันธ์กับบุคคลอันเป็นที่รัก
ความพลัดพรากจากสัตว์หรือสิ่งของอันเป็นที่รัก
การสูญเสียเกียรติ ชื่อเสียงอันจอมปลอมและไม่คงทนถาวร
ยศฐาบรรดาศักดิ์ ตำแหน่งหน้าที่การงาน
และแม้ในวันหนึ่งที่เราได้รู้ว่า
สิ่งที่เรารู้หรือวุฒิการศึกษาอันสูงส่งที่เรามีอยู่
ต่างไม่ได้ช่วยทำให้เราเข้าใจชีวิตได้เลย

เมื่อเราทุกข์...เราไม่รู้วิธีออกจากทุกข์
เมื่อเราเจ็บ....เรายิ่งดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองเจ็บจากการรัดตรึงของความทุกข์
เมื่อเราเศร้า...เราปรารถนาให้ใครบางคนเข้าใจเรา
ทั้งๆที่เรานั่นแหละคือคนที่ควรเข้าใจตัวเองให้มากที่สุด








- 5 –




ไม่มีความจำเป็นที่เราจะต้องทำลายทุกข์
แค่เราอย่าให้ความทุกข์มาครอบงำความคิด
เราเปลี่ยนแปลงการเกิด การแก่ การเจ็บไข้ การตาย
หรือการเป็นทุกข์จากการพลัดพรากไม่ได้

แต่เรารู้เท่าทันสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้
เราสามารถเตือนตนให้รู้ทันความเจ็บปวดเหล่านี้
เมื่อรู้ว่าท้ายที่สุดมันต้องจบลงที่การพลัดพรากสูญเสีย

เราจึงมีสิทธิ์ที่จะกลัว เจ็บปวด ไม่ยอมรับความจริง
แล้วทุกข์ทนไปตลอดชีวิตที่เหลือ

หรือเลือกที่จะใช้เวลาที่เหลือทุกเวลานาทีอย่างคุ้มค่าที่สุด
ใช้ทุกวินาทีอย่างมีความหมาย
เห็นคุณค่าของลมหายใจ เห็นประโยชน์ของตัวเอง
เพื่อสร้างสรรค์สิ่งต่างที่ดีงามให้กับตัวเองและคนรอบข้าง







- 6 –




ชีวิตเป็นทุกข์โดยตัวมันเอง
แต่เราเปลี่ยนมันให้เป็นความสุขได้
ด้วยทัศนคติที่เรามีต่อตัวเองและสิ่งรอบข้าง


ชีวิตจะงดงามและแห้งเหี่ยวผุพัง
ล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับมุมมองและวิธีคิดของตัวเราเอง







- 7 -





ข้างนอกหน้าต่าง
ฟ้ามืดทึมเทา
เมฆเคลื่อนตัวลงต่ำ
ท่ามกลางความมืดหม่นสลดใจ
ณ ริมขอบฟ้านั้น
ดวงตะวันยังคงส่องฉายแสงแห่งความหวังอันริบหรี่
และมีแต่ผู้ที่เชื่อมั่นและศรัทธาในความดีงามเท่านั้น
ที่จะเชื่อมั่นว่า
ฟ้าหลังฝนจะสดใสกว่า ดีกว่า สดชื่นกว่า


ชีวิตที่พบทุกข์เองก็เช่นกัน
เรามองมันให้เหมือนกับการตีดาบ
ทั้งโดนฉาบด้วยไฟ โดนทุบด้วยค้อน
โดนขัด โดนขูด โดนขีด
เพราะความโหดร้ายเหล่านี้ใช่หรือไม่
เราจึงได้กลายเป็นดาบฉาบความคม
กลายเป็นชีวิตที่แหลมคมและมีความหมาย


อย่าปล่อยให้ทุกข์ใดใดกล้ำกลาย
และมามีอำนาจเหนือความคิดและชีวิตของเรา

อย่าทำให้ความกลัวขยายขอบเขต
จนจนครอบงำความหวังทั้งปวงของเรา

อย่าให้ใครมาบอกว่าเราทำไม่ได้
จนกว่าเราจะได้ลองลงมือทำ

อย่าให้ใครมาดูถูกว่าเราไร้สามารถ
ตราบใดที่เรายังไม่ได้สู้อย่างสุดฝีมือ

อย่ายอมแพ้แค่เพียงล้มตรงจุดเริ่มต้น
ลุกขึ้น แล้ววิ่ง
วิ่งเย้ยคำเย้ยหยันและถ้อยคำตำหนิติเตียน

ทำให้โลกรู้
ว่าเราดีกว่าที่เราเป็นอยู่ได้

เราเป็นได้
และเราจะทำ








- 8 -




ทุกข์ที่ซ้ำ
ช้ำเพราะทุกข์
ปลุกความหวัง
และจงบอกเตือนตนเอาไว้

“มนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมา
เพื่อให้ชีวิตมีแต่ความแพ้พ่าย
แม้วันนี้เราแพ้พ่าย
แต่หนทางยังมี ความหวังยังอยู่
เราต้องกลับมาสู่หนทางแห่งชัยชนะได้”

ขอเพียงอย่ายอมแพ้ อย่าขลาดหวาดกลัว
อย่ามัวมัวเศร้าสร้อย หรืออ้อยสร้อยกับชีวิต

ตื่น ลืมตา
แล้วออกไปท้าทายปัญหา
อย่าหยุดแค่แพ้
อย่ายอมเพราะหมดหวัง








- 9 –




จงเดิน เดิน
และเดินไป
ตราบลมหายใจเธอยังมี
ตราบโลกยังหมุน...

เมื่อมีชีวิต
ยังมีความหวัง
เมื่อมีความหวัง
ย่อมมีพลัง


เธอจะกลัวสิ่งใดอีก
ชีวิตมีเพียงแค่ครั้งเดียว
และถ้าเธอใช้มันอย่างดีที่สุด
....ครั้งเดียวก็พอแล้ว .

 

 

กล่องความคิดเห็น

การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่