บทความทั่วไป

:: อิสรภาพจากความสุขและความทุกข์ ::

กะว่าก๋า

 

:: อิสรภาพจากความสุขและความทุกข์ ::



ภาพและคำโดย : กะว่าก๋า















ชายหนุ่มที่นั่งอยู่เบื้องหน้าผมพยายามโน้มน้าว
ให้ผมเห็นดีเห็นงามกับธุรกิจขายตรงของเขา
เขาใช้เวลาเป็นชั่วโมง
เพื่ออธิบายรายละเอียดของธุรกิจที่เขาทำอยู่

“ผมอยากแบ่งปันสิ่งดีดีให้กับเฮีย
ทุกคนล้วนอยากมีอิสรภาพในชีวิต
เราอยากรวย อยากมีเวลา และอยากมีสุขภาพที่ดี” เขาบอก


ผมพยายามสบตาเขาอย่างตรงไปตรงมา
สำรวจลึกลงไปในความคิด ความเชื่อ....


“เฮียครับ...เราควรใช้เวลาไม่เกิน 5 ปีที่จะรวย
รวยแล้วเราก็เกษียณ ไม่ต้องทำงาน
นั่งอยู่เฉยๆแต่มีเงินไหลเข้ามาในบัญชี
หลับได้เงินหมื่น ตื่นได้เงินแสน”
เขาพูดอย่างลื่นไหล แต่ผมไม่ได้สนใจประเด็นเรื่องความรวยเลย



“แค่เราหาสมาชิกให้ได้ 5 คน แล้วเริ่มสร้างทีม
5 คนนี้ไปหาอีก 5 คน เมื่อสร้างทีมไปเรื่อยๆ
เราจะมีฐานสมาชิกเป็นพันเป็นหมื่น
ถึงตอนนี้เราก็นอนรอรับเงิน
ที่จะส่งเข้ามาที่บัญชีของเราได้เลยครับเฮีย”

เขาพยายามสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการนำภาพตัวแทนขายตรง
ที่เริ่มต้นจากความยากจน แล้วพอมาเป็นตัวแทนขาย
ก็กลับร่ำรวยอย่างไม่น่าเชื่อในเวลาอันรวดเร็ว
แต่ละคนมีทั้งบ้านหลังโต รถยนต์ยุโรปสุดโก้หรู....

สุดท้าย...ผมบอกเขาไปว่า
ผมไม่สนใจที่จะสมัครสมาชิก
หรือซื้อผลิตภัณฑ์อะไรใดใดทั้งสิ้นของเขา



และแวบหนึ่งผมนึกถึงเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง



อาจารย์เซนวัยชราทำงานหนักทุกวันโดยไม่ยอมหยุดพัก
ลูกศิษย์เห็นดังนั้นจึงสงสาร
และพยายามขอร้องให้ท่านเลิกทำงานวัดเสีย
แต่เมื่อท่านไม่ยอมหยุดทำงาน
ลูกศิษย์วัดจึงนำเครื่องมือไปเก็บซ่อนทั้งหมด
เมื่อท่านไม่สามารถทำงานได้
อาจารย์เฒ่าจึงเข้าไปอยู่ในห้อง
แล้วไม่ยอมทำอะไรเลย รวมทั้งไม่ทานข้าวแม้แต่มื้อเดียว
ไม่ว่าลูกศิษย์จะร้องขอสักเพียงใด
ที่สุดแล้ว...
ลูกศิษย์จึงต้องยอมเอาเครื่องมือออกมาให้ท่านเหมือนเดิม
อาจารย์เซนจึงยอมรับประทานอาหาร
และออกมาทำงานเหมือนเดิม...

“คนที่ไม่ทำงาน ไม่ควรกินข้าว”

ท่านสั่งสอนลูกศิษย์ด้วยคำสอนอันเรียบง่ายและตรงไปตรงมา



อะไรทำให้เราเชื่อว่าการมีเงินเยอะๆแล้วจะมีความสุข
อะไรที่ทำให้มั่นใจว่าถ้ามีเงินมากพอโดยไม่ต้องทำงานอะไร
แล้วชีวิตจะพบกับความสุขที่แท้จริง



ชีวิต คือ การทำหน้าที่
และการทำงาน คือ การปฏิบัติธรรม


ผมเชื่อมั่นเสมอมาว่า
ความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินในกระเป๋า
แม้เงินจะมีความจำเป็น แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต
วันที่คุณเกิดอุบัติเหตุรุนแรง ลูกคุณเป็นโรคร้ายที่รักษาไม่หาย
วันที่แผ่นดินไหว โลกถล่มจมปฐพี
เงินมากมายเท่าใดก็ซื้อชีวิตใครไม่ได้


เศรษฐีมากมายที่ฆ่าตัวตายเพราะโลภไม่รู้จักหยุด
คนรวยมากมายที่มีปัญหาแย่งชิงมรดก ฆ่ากันเองในระหว่างพี่น้อง
ลูกหลานว่านเครือถูกเลี้ยงดูมาแบบผิดๆ
และคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง
แม้แต่ความสุขในชีวิต
คุณคิดว่าคนแบบนี้มีความสุขจริงๆหรือ ?


ชีวิต คือ การทำหน้าที่
ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำไป
การงานเหมือนสายน้ำที่ไหลไปเรื่อยๆ
ผ่านเกาะแก่ง ผ่านหินดินทราย
ผ่านปัญหา ผ่านคน ผ่านการเรียนรู้
น้ำหยุดนิ่งเมื่อไหร่ย่อมเน่าเหม็น



ผมไม่บูชาความรวย
และไม่รักความสบาย
ผมเชื่อในการทำงานหนัก การทำงานอย่างต่อเนื่องและมีวินัย
ผมไม่เชื่อเรื่องการเสี่ยงดวง การรอโอกาสที่จะมอบมาจากคนอื่น
ผมไม่รอให้ตัวเองรักงานที่ทำแล้วจึงทำงาน
แต่ผมทำงานทุกอย่างด้วยใจรักและมุ่งมั่นทุ่มเท


คนเราจะรวย ไม่ใช่ต้องมีมากมาย
แค่เขารู้จักพอเขาก็เป็นคนที่รวยแล้ว


คนเราจะมีเวลาในชีวิตได้ ไม่ใช่ไม่ทำอะไรหรือนั่งอยู่เฉยๆ
หากแต่เป็นคนที่รู้คุณค่าของเวลา
แบ่งเวลาและทำสิ่งต่างๆอย่างทุ่มเทตั้งใจ



ผมไม่รังเกียจธุรกิจขายตรง
แต่ผมไม่ชอบการขายฝันแบบลวงหลอก
เพื่อหลอกคนให้ละเมอเพ้อพกคิดฝันแต่ความรวยๆๆๆ

ถ้าจะรวย...ขอรวยแบบสบตาตัวเองได้ไหม
ขอรวยแบบไม่รังเกียจตัวเองได้ไหม
ผมไม่อยากเป็นคนที่เพื่อนฝูงรังเกียจ
เพราะต้อง “ขายตัวเอง” อยู่ตลอดเวลา.

 

 

กล่องความคิดเห็น

การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่