คนหรือเทียนเล่มหนึ่ง
คนหรือเทียนเล่มหนึ่ง...
คุณเคยคิดไหมว่า แท้จริงแล้ว ตัวคุณเองคืออะไร ...???
แล้วคุณกำลังใช้ชีวิตอย่างไร เพื่ออะไรกันอยู่…???
คุณอาจกำลังสร้างฐานะ
คุณอาจกำลังสร้างชื่อเสียง
คุณอาจกำลังทำทุกอย่างตามแต่ความอยากในใจของคุณจะสั่งให้ทำ
เหรอว่าคุณกำลังใช้ชีวิต เพื่อลาภ เพื่อยศ เพื่อคำสรรเสริญ เพื่อความสุข อยู่….
แต่….ไม่ว่าคุณจะใช้ชีวิตอย่างไร ดำเนินชีวิตเพื่ออะไร ก็ตาม
ขอเพียงอย่าลืมไปว่า
“ตัวคุณเองที่ได้เกิดมาบนโลกใบนี้ แท้จริงแล้ว ก็เปรียบได้ดั่ง เทียนเล่มหนึ่งที่ถูกจุดขึ้นแล้ว…นั่นเอง”
เทียน ที่ถูกจุดขึ้นแล้ว ย่อมรอวันดับไปเป็นธรรมดา ไม่วันใดก็วันหนึ่ง… ไม่ช้า ก็เร็ว ต้องดับลงอย่างแน่นอน
การแสวงหาลาภ ยศ ชื่อเสียง เงินทอง ก็เปรียบเหมือนดั่ง การแกะสลักและประดับประดา เนื้อเทียนของตัวคุณเอง
ให้เกิดลวดลายที่สวยงาม ประดับประดาไปด้วยเพชรนิลจินดามากมาย
แต่ไม่ว่า คุณจะแกะสลักเนื้อเทียนให้สวยงามเพียงใด
คุณจะประดับประดาเนื้อเทียนให้สวยงามเพียงไหน เนื้อเทียนก็ย่อมละลายลงทุกวันๆ
ไม่ว่าคุณจะเป็น.....
เทียนที่เกลี้ยงเกลา
เทียนที่มีลวดลายพองาม
เทียนที่มีลวดลายงดงามวิจิตรศิลป์ประดับประดาไปด้วยเพชรนิลจินดาต่างๆ
(เทียนที่เกลี้ยงเกลาก็เหมือนกับคนที่เลือกใช้ชีวิตเรียบง่ายสมถะ
เทียนที่มีลวดลายพองามก็เหมือนกับคนที่ใช้ชีวิตอย่างพอประมาณ ชีวิตพอเพียง ก็สุขเพียงพอ
เทียนที่มีลวดลายงดงามวิจิตรศิลป์ประดับประดาไปด้วยเพชรนิลจินดาต่างๆ ก็เหมือนกับคนที่ใช้ชีวิตแบบ
อยากได้ อยากมี อยากเป็น ต้องสร้างทุกอย่างให้เลิศเลอเฟอร์เฟ็กจึงจะพอใจ)
ท้ายสุดเทียนก็คือเทียน….. เทียนที่ถูกจุดขึ้นแล้ว ที่ย่อมดับลงไปเหมือนกันอยู่ดี
.................................
................
.....
การละลายของเนื้อเทียน จะช้า หรือ จะเร็ว ย่อมขึ้นอยู่กับ ความร้อนแรงและ การเคลื่อนไหวของเปลวไฟบนเทียน
เปลวไฟบนเทียน ก็เปรียบได้ดั่ง จิตของคนเรา นั้นเอง
เวลาคนเรารู้สึกโกรธ แล้วปล่อยให้การกระทำของตัวเองเป็นไปตามความโกรธ ทำทุกอย่างตามอารมณ์
ไม่ใช้สติควบคุมการกระทำ ก็เหมือนดั่ง การปล่อยให้ไฟบนเทียนร้อนแรงโชติช่วง ไม่คุมเปลวไฟเอาไว้
เปลวไฟที่ร้อนแรงและ สั่นไหว ก็จะยิ่งเผาเนื้อเทียนให้ละลายเร็วยิ่งขึ้นไปอีก….
ทุกครั้งที่คุณกำลังจะโกรธ ลองถามตัวเองดู ซิครับว่า
"คุณจะเผาตัวเองให้มอดไหม้เป็นจุล ไปเพื่ออะไร ???"
สติของคนเราก็คือสิ่งที่ใช้ควบคุมความร้อนแรงและการเคลื่อนไหวของเปลวไฟ
ขอเพียงเราดำรงชีวิตด้วยสติ ก็เหมือนกับการประคับประคองควบคุมเปลวไฟเอาไว้แล้วนั้นเอง…
...............................
.................
......
ไส้ของเทียน ก็คือเชื้อของไฟ เปรียบเหมือนดั่งกิเลสในตัวเรา
ท้ายสุดแล้ว แม้ว่า เทียนของเราย่อมดับ แต่เมื่อไส้ของเทียนยังคงอยู่
ตอนที่เทียนเล่มนี้ดับลงไปแล้ว ไส้ของเทียนก็ย่อมสร้างเทียนเล่มใหม่ขึ้นอีก เทียนเล่มต่อไปจะเป็นอะไร
ก็แล้วแต่บุญแต่กรรมที่เราทำกันไว้ พอไฟในเทียนเล่มเก่าหมด สะเก็ดไฟสุดท้ายก็กระเด็นย้ายไปติดไฟ
กับเทียนแท่งใหม่ ในชาติภพใหม่ต่อไปของเรา
ซึ่งก็ต้องกลับมาเป็นเทียนที่ถูกจุดติดแล้วรอวันดับอีกเช่นเดิม
เปรียบดั่ง ชีวิตของคน พอสิ้นอายุไข หากไม่หมดกิเลส
ความโลภ ความโกรธ ความหลง ก็ย่อมนำพาเรากลับมาเวียนวายตายเกิดใน วัฏฏะสงสาร ต่อไปอย่างไม่รู้จบ
เกิดแล้วตาย ตายแล้วก็ เกิด ซ้ำไปเรื่อยๆ…
แต่หากคนเราสามารถดับหรือขัดเกลาเชื้อของไฟ หรือว่า ไส้ของเทียน ที่หมายถึง กิเลส ลงได้
ก็ย่อมสามารถ หยุดและหลุดออกจากการเวียนวายตายเกิดที่พานพบมาอย่างไม่รู้จบได้
............................
...........
หลายคนชอบถามว่า เมื่อหมดกิเลส หรือว่า นิพพานแล้วจะไปไหน
ลองถามตัวคุณเองดูซิครับว่า "เมื่อไฟหมดเชื้อไฟแล้วไฟดับ ไฟจะไปไหน..??"
ร้อยเรียงบทความโดย : ชัยพัฒน์ ทองคำบรรจง
กล่องความคิดเห็น
การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่