ก๋าราณี ตอบคำถามพี่แอมอร
ในการอรรถาธิบายธรรมะนั้น
เราจำต้องจำแนกสิ่งต่างๆออกเป็นสองอย่าง
นั่นคือ “ผู้สร้าง” กับ “สิ่งที่ถูกสร้าง”
น้ำทะเล ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ คน สัตว์ สิ่งของ
เป็นสิ่งที่ “ถูกสร้าง” ขึ้น
สร้างขึ้นจาก “ผู้สร้าง”
แล้วเราก็เรียกผู้สร้างนี้ด้วยนามอันหลากหลาย
เช่น พระเจ้า ธรรมชาติ พระผู้สร้าง เต๋า
อนุตรธรรม โลกกุตระธรรม ฯลฯ
(กะว่าก๋า)
.
.
พี่เข้าใจในความหมายด้านบนค่ะ
แต่ญาติๆยังแบ่งแยกเรื่องศาสนาออกจากกัน
ชนิดขาวกับดำ
ตอนนี้กำลังยื้อแย่งตัวพี่กับน้องสาว
ให้ไปเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา
แรกๆพี่ก็ไปทั้งสองฝ่าย
ปัญหาคือ เขายืนยันว่า พี่ต้องเลือกและแสดงออกให้ชัดเจน
ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง ประมาณนั้น อิ อิ
พี่ไม่รู้ว่าจะอธิบายให้เขาเข้าใจได้อย่างไร
ระหว่างพระเจ้ากับโลกุตรธรรม ว่าไม่ได้ต่างกันเลย
คุณก๋ามีวิธีอธิบายที่เข้าใจง่าย
พี่จึงอยากให้ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ
คำถามโดย : พี่แอม (peeamp)
วันที่ : 11 พฤศจิกายน 2554
เวลา : 14:40:07 น.
สวัสดีครับพี่แอม
สำหรับผม
การตั้งคำถามว่า “ศาสนาใดที่ดีที่สุด ?”
ก็เหมือนกับการถามคำถามที่ว่า
“อาหารชาติใดอร่อยที่สุดในโลก ?”
“ประเทศใดน่าอยู่ที่สุดในโลก ?”
“ผู้คนที่ไหนน่ารักที่สุดในโลก ?”
“รถยี่ห้อไหนขับดีที่สุดในโลก ?”
ฯลฯ
เราชอบทานอาหารรสจัด
พอมีคนทำอาหารผัดเผ็ดให้ทาน
เราก็ว่าอร่อยลิ้น กินข้าวสามจาน
ครั้นพอกินข้าวกับแกงจืดหมูสับ
เราว่ากับข้าวจืดชืดไม่ได้ความ
แต่คนที่กินเผ็ดไม่ได้ แค่ใส่พริกไทยนิดเดียว
ก็เผ็ดน้ำหูน้ำตาไหลแล้ว...
ผมเป็นคนไม่กินปลาเกือบจะทุกชนิด
เพราะฉะนั้นต่อให้อาหารจานนั้นอร่อยแค่ไหน
ถ้าทำจากปลาผมก็ไม่กินเลย
เช่นเดียวกันครับ
ความเชื่อทางศาสนา
ก็เป็นเหมือนรสนิยมในการกินอาหาร
ใครชอบ ใครเชื่อแบบไหน
ใช่ว่ามันจะเหมาะกับอีกคน (หรือเหมาะกับทุกคน)
“ศรัทธา” เหมือน “วิธีการเดินทาง” ของเรา
ขอเพียงรู้ว่า “เป้าหมาย” ในการเดินทางนั้น
สุดท้ายแล้วเราอยากไปลงที่จุดหมายปลายทางใด
ก็เลือกเอาตามแต่กำลัง จริตและความชอบส่วนตัว
อยู่กรุงเทพอยากไปเชียงใหม่
เราสามารถไปได้ตั้งหลายทาง
จะเดิน คลาน วิ่งด้วยเท้า
นั่งรถยนต์ รถบัส เครื่องบิน ฯลฯ
ยังไงก็ไปถึงปลายทางทั้งนั้น
ขอเพียง “ทิศทาง” ที่วิ่งไปถูกต้อง
ที่สุดแล้วปลายทางย่อมถึงที่หมาย....
ต่างกันแค่ช้าเร็ว
และความสวยงามระหว่างการเดินทางที่เราได้พบพาน
พุทธ คริสต์ เต๋า ขงจื๊อ อิสลาม พราหมณ์ บาไฮ ฯลฯ
จะศาสนาใด ลัทธิใด นิกายไหนก็ไม่แปลก....
สำหรับผมแล้ว
ไม่มีอะไรดีกว่ากัน ไม่มีใครเหนือกว่าใคร
มีแต่ความเท่าเทียมกัน
ถ้าเราเข้าถึงซึ่ง “ความจริงแห่งชีวิต” ได้อย่างแนบแน่น
ความตายจะเป็นบ้านอันศักดิ์สิทธิ์
และการเกิดจะเป็นหนทางแห่งการทำหน้าที่
ชีวิตคือความงามในทุกวินาที
แม้ว่าจะมีความทุกข์หรือความโหดร้ายใดใด
ผ่านเข้ามาในชีวิต
ศรัทธาจะทำให้เราเข้าใจในความทุกข์ที่มี
ก่อนจะค้นหาวิธีปล่อยวางความทุกข์นั้นไป
อย่างเจ็บปวดน้อยที่สุด....
ไม่ว่าเราจะเรียกขานนามของ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์” นั้นว่าอย่างไร
เราจะเรียกธรรมชาติ พระเจ้า พระผู้สร้าง องค์วิเศษภูมินทร์
อวตาร พระผู้ไถ่ อนุตรธรรม โลกุตระธรรม ฯลฯ
ล้วนแต่เป็นเพียงการหานามให้กับสิ่งสมมติที่เรามองไม่เห็น
แต่เป็นผู้สร้างสิ่งต่างๆขึ้นมาในจักรวาล
ไม่ว่าจะเป็นดวงดาว อากาศ มนุษย์
สัตว์ สิ่งของ ธรรมชาติ ฤดูกาล ฯลฯ
ขอให้ความเชื่อและศรัทธานั้น
เป็นไปเพื่อสร้างความมั่นใจ
ว่าเราจะเดินไปบนทางที่ถูกต้อง
เราไม่จำเป็นต้องสงสัยถึงการมีอยู่ของสิ่งนี้ด้วยซ้ำ
ถ้าเราเชื่อมั่นและศรัทธาอย่างแท้จริง อย่างจริงใจ
“หนทาง”นั้นมีอยู่
และสามารถนำเราเดินทางไปสู่จุดหมายแห่งการเดินทางในชีวิตได้
ไม่ว่าเราจะเรียกเป้าหมายสุดท้ายว่าการหลอมรวมกับธรรมชาติ
นิพพาน การฝากชีวิตไว้กับพระเจ้า นิรวาณ
หรืออะไรใดใดก็ตาม
อาหารมีหลากชนิด หลากวัฒนธรรม
ศาสนาก็ไม่ต่างกัน เป็นเรื่องของรสนิยม
เราจะกินอะไร อาหารรสชาติไหน
ด้วยเครื่องมือแบบใด
ยังไม่สำคัญเท่า “คุณค่า” ของอาหารจานนั้นที่เรากิน
อาหารที่ว่าอร่อย เลิศรสที่สุดในโลก
หากกินเยอะไป อิ่มเกินไปก็ไม่ดีต่อสุขภาพ
กินน้อยไปร่างกายก็ไม่แข็งแรง
กินอาหารเจือปนพิษยิ่งซ้ำร้าย
กินอิ่มไม่ว่า อาหารจึงต้องมี “คุณประโยชน์” ด้วย
ศาสนาก็เช่นเดียวกัน
เชื่อมาก เชื่อน้อย หรือไม่เชื่อเลย
ยังไม่สำคัญเท่า “ความเชื่อ” นั้น
นำเราเดินทางไปในเส้นทางแบบใด
เพื่อจะไปพบกับเป้าหมายที่เราได้ตั้งใจไว้หรือไม่
เส้นทางที่ผิด
ไม่เคยนำไปสู่จุดหมายที่ถูก
เหมือนกับคำถามที่ผิด
ไม่เคยนำไปสู่คำตอบที่ถูกต้อง
คำถามที่สำคัญสำหรับตัวผม
จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราเชื่อในศาสนาใด
แต่อยู่ที่การนำสิ่งที่เรารู้จากคำสอน (หรือคัมภีร์)
ไปใช้กับตัวเองได้หรือไม่
เราได้นำความเชื่อในศรัทธาที่เรามีอยู่
ไปพัฒนาปรับปรุงอะไรในตัวตนให้ดีขึ้นบ้าง
เพราะพระเจ้าที่แท้จริงมิได้อยู่นอกตัว
หากแต่พระองค์สถิตอยู่ในกายเราตลอดเวลา
วินาทีที่จิตเราคิดดี ทำดี พูดดี
พระเจ้าก็อยู่กับเรา
แต่หากเราทำชั่ว คิดชั่ว พูดแต่ถ้อยคำร้ายๆ
ต่อให้สวดภาวนาอ้อนวอนวันละ 8 ชั่วโมง
ไปแสวงบุญยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทุกเดือน
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดใดก็ย่อมไม่มีวันสถิตกับเรา
กล่องความคิดเห็น
การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่