:: ก๋าราณีตอบคำถาม 13 ข้อ ::
1. เห็นพี่ก๋าชอบไปเที่ยว เห็นไปเที่ยวคนเดียวบ่อย
พี่ก๋าไม่เหว่ว้าเหรอครับ ไปแล้วพี่ก๋าได้ไรกลับมา
นั่งรถนานๆ กลับมาก็เหมือนเดิม
2. เราจะแก้คำว่า เบื่อ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ยังไงครับ
พอเบื่อที่ไรก็ไม่อยากทำ ทำให้ไปไม่ถึงไหนซักที
3. ถ้าไม่มีพี่ก๋าช่วยตอบคำถามแล้วผมจะไปถามใครล่ะครับ
4. ถ้าเราสงสัย อยากรู้ก็ต้องถาม แต่ถ้าเราชอบเค้า
เราต้องถามไหมครับว่าเค้าชอบเราหรือป่าว
5. การนับลมหายใจเข้าออกมีประโยชน์ไหมครับ
6. ถ้าเราไม่พอใจในสิ่งที่เรามีอยู่ เราจะทำอย่างไรครับ
7. มีคู่ อยากอยู่คนเดียว พออยู่ลำพังกลับอยากมีคู่
8. อยู่คนเดียวก็เหงา อยู่กับเขาก็เบื่อ
9. คนเราอยู่ด้วยกันโดยที่ไม่ได้ชอบกันจริง มีไหมครับ
10. สุดท้ายแล้วการอยู่คนเดียวนั้น มีความสุขที่สุดแล้วจริงไหม
11. การที่เราหาใครสักคนมาเคียงคู่ หามาทำไม
มีแล้วต่างกับการอยู่คนเดียวอย่างไร
12. ถ้าเราสามารถมองเห็นอนาคตได้
แล้วรู้ว่าวันพรุ่งนี้เราจะไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว
เราจะทำอะไรดีครับ
13. ทรัพย์อื่นยิ่งกว่าสันโดษไม่มี ตีความให้หน่อยครับ
คำถามโดย : เสือย้อมแมว
วันที่ : 8 มีนาคม 2555
เวลา : 23:14:00 น.
พูดคุยกันไปทีละข้อเลยนะครับ
1. เห็นพี่ก๋าชอบไปเที่ยว เห็นไปเที่ยวคนเดียวบ่อย
พี่ก๋าไม่เหว่ว้าเหรอครับ ไปแล้วพี่ก๋าได้อะไรกลับมา
นั่งรถนานๆ กลับมาก็เหมือนเดิม
- ต้องบอกก่อนว่าชีวิตท่องเที่ยวของพี่ก๋ามีสองช่วง
คือก่อนแต่งงานและหลังแต่งงาน
ก่อนแต่งงานเที่ยวแบบคนโสด ซื้อทัวร์ไปเที่ยว
ไปคนเดียวแล้วไปรวมกลุ่มกับกรุ๊ปทัวร์ท่านอื่นๆ
ส่วนใหญ่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ส่วนพอแต่งงานแล้วเที่ยวกันเองกับมาดาม
พอมีลูกยิ่งไม่ได้เที่ยวที่ไหนไกลๆ เพราะตอนนี้ลูกยังเล็กอยู่
คงไม่ใช่เรื่องสนุกนัก ถ้าจะต้องไปเที่ยวตามตารางเวลาของทัวร์
ก่อนแต่งงานพี่ก๋าเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงมาก
แต่ไม่ได้รู้สึกว้าเหว่ มันออกแนวเหงาๆและครุ่นคิดมากกว่า
หลายทริปของการเที่ยวเป็นเหมือนการค้นหาตัวเอง
มีเวลาได้นั่งคิดอะไรเงียบๆคนเดียวที่เบาะหลังสุด..ท้ายรถบัส
ระยะทางไกลๆ มันทำให้เราได้คิดอะไรกับตัวเองเยอะทีเดียว
แม้บางครั้งมันจะเป็นการวนอยู่กับปัญหาในใจ
เหมือนคนพายเรือในอ่างเล็กๆก็ตาม
แต่นั่นเป็นหนทางที่เราพยายามค้นหาคำตอบในตัวเรา
เพราะฉะนั้น....
บางครั้ง....เส้นทางไปและเส้นทางกลับไม่ใช่เส้นทางเดียวกัน
แต่สุดท้ายมันอาจทำให้เราค้นพบ “คำตอบ” บางอย่าง
ที่ใจเราตามหามานาน
และบางทริป…
ทำให้ทุกอย่างในชีวิตเราไม่เหมือนเดิม
ทั้งๆที่ทุกสิ่งเหมือนเดิม
แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไป
คือ “ความคิดและมุมมอง” ที่เรามีต่อสิ่งต่างๆและกับตัวเราเอง
เพียงเท่านี้...ชีวิตเราก็เปลี่ยนแล้ว
2. เราจะแก้คำว่า เบื่อ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ยังไงครับ
พอเบื่อทีไรก็ไม่อยากทำ ทำให้ไปไม่ถึงไหนสักที
- พี่ก๋าคิดว่าคนที่ “เบื่อ” ตลอดเวลามีสองประเภท คือ
หนึ่ง...ไม่มีอะไรให้ทำ เลยเบื่อ
กับ สอง...มีอะไรให้ทำมากเกินไป ก็เลยเบื่ออีกเช่นกัน
แต่ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม
ทำมากหรือทำน้อย
ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เราต้องการหรืออยากทำจริงๆหรือไม่
คนที่อยากมีความรัก
แต่ใช้ความรักแบบสิ้นเปลืองและไม่เห็นคุณค่า
ต่อให้เปลี่ยนคู่นอนวันละคน
นอนกับดาราหรือนางงามระดับโลกทุกวันมันก็เบื่อได้
แต่ถ้าเราเห็นคุณค่าในตัวคนที่เรารัก
ต่อให้เธอเป็นคนธรรมดาแค่ไหน
เราก็รักเธอได้ทุกวันโดยไม่เบื่อ
เคยได้ยินคำพูดหนึ่งไหมครับ
เขาบอกว่า.....
วิธีเป็นนักรักที่ดีที่สุด ก็คือ
การตกหลุมรักทุกวันกับผู้หญิงคนเดิม
วิธีคิดแบบนี้ไม่จำเป็นต้องใช้กับความรักเท่านั้นนะครับ
การงาน งานอดิเรก หรือการใช้ชีวิต
ก็ใช้วิธีคิดแบบนี้ได้เช่นกัน
พี่ก๋าทำบล็อกทุกวัน
ทำไมไม่เคยพูดเลยว่าเบื่อหรือไม่มีอะไรมาเขียน
นั่นเป็นเพราะพี่ก๋าทำบล็อกด้วยความรัก ด้วยความสุข
ด้วยความสนุกและจริงใจกับสิ่งที่ตัวเองทำ
บล็อกเลยไม่ใช่แค่ความอยาก ความเพลิดเพลินชั่วคราว
แต่เป็นสิ่งดีดีที่เราตื่นมาทุกเช้าและอยากทำครับ
3. ถ้าไม่มีพี่ก๋าช่วยตอบคำถามแล้วผมจะไปถามใครล่ะครับ
- คนที่จะตอบคำถามของเราได้ดีที่สุดไม่ใช่พี่ก๋าหรอกครับ
แต่คือ “ตัวเราเอง” .....
ที่สุดแล้วไม่มีใครตอบทุกคำถามที่เราสงสัยได้
แม้พี่ก๋าตอบทุกคำถามที่เราถาม
แต่นั่นไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเสมอไป
และมันคงไม่ถูกใจเราในทุกคำตอบ
เราอาจจะมีฮีโร่หรือแรงบันดาลใจเป็นใครก็ได้บนโลกนี้
แต่สุดท้ายฮีโร่เหล่านั้นก็พาเราเดินไปสู่ความสำเร็จไม่ได้
แล้วเราไม่ควรคิด พูด หรือทำในแบบที่ฮีโร่เป็น
แต่ควรเป็นตัวของตัวเอง
เป็นตัวของตัวเองในแบบที่เราเป็นได้
และเป็นแบบนั้นให้ดีที่สุดเท่านั้นเองครับ
4. ถ้าเราสงสัย อยากรู้ก็ต้องถาม แต่ถ้าเราชอบเค้า
เราต้องถามไหมครับว่าเค้าชอบเราหรือป่าว
- พี่ก๋าไม่ค่อยพูดคำว่า “รัก”
ไม่ค่อยเรียกร้องว่าอยากจะได้ยินคำว่า “รัก” จากคนรักด้วย
แต่อยากให้คนที่เรารัก
รับรู้ถึง “ความรัก” จากทุกสิ่ง
ที่เรา “ทำ” และ “แสดงออก”
จะมีประโยชน์อะไรครับ
หากเรารักใครสักคน
แล้วพร่ำพูดแต่คำว่า
“รักๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“รักคุณที่สุด”
“รักที่สุดในโลก”
“ผมยอมตายแทนคุณได้”
ฯลฯ
แต่สุดท้ายกลับไม่เคยทำตามที่ตัวเองพูดไว้ได้เลย
จะพูดคำว่า “รัก” กับใครไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่จงแสดงออกให้เขาหรือเธอรู้สึกด้วย
ว่าเรารู้สึกรักอย่างนั้นจริงๆ
5. การนับลมหายใจเข้าออกมีประโยชน์ไหมครับ
- ทุกอย่างมีประโยชน์ (และมีโทษ)
ถ้าเราตอบตัวเองได้ว่า
เราทำสิ่งนั้นไปเพื่ออะไร
พี่ก๋าต้องถามกลับไปว่าเรานับลมหายใจเพื่ออะไร ?
บางคนบอกว่าเพื่อกำหนดสติ
บางคนบอกว่าเป็นฐานของการทำสมาธิ
บางคนบอกว่าอย่างนั้น บางคนบอกว่าอย่างนี้
แต่สุดท้ายแล้ว
ถ้าเราตอบตัวเองได้ว่าเรานับลมหายใจไปเพื่ออะไร
ถ้าตอบตัวเองได้ --- สิ่งนั้นนับว่ามีประโยชน์
แต่ถ้าเราทำสิ่งต่างๆลงไป
โดยไม่รู้ว่าเราทำไปเพื่ออะไร
สิ่งนั้นก็ไม่มีประโยชน์ครับ
6. ถ้าเราไม่พอใจในสิ่งที่เรามีอยู่ เราจะทำอย่างไรครับ
- หลายคนไม่พอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่
เพราะรู้สึกว่ามันยังไม่ดีพอ ไม่ทันสมัยพอ ถูกเกินไป ฯลฯ
เรามีไม่พอ ไม่ใช่เรามีน้อยเกินไป
แต่เราไม่รู้จักพอต่างหาก
แล้วเราชอบเปรียบเทียบกับคนที่มีพอๆกันหรือมีมากกว่า
ลองออกไปมองหาคนที่มีน้อยกว่าเราดูบ้างไหมครับ
ไปดูชีวิตขอทาน เด็กเร่ร่อนข้างถนน
คนที่บ้านถูกไฟไหม้วอดทั้งหลัง
คนที่บ้านถูกน้ำท่วมจนไม่เหลืออะไร
ไปนั่งคุยกับผู้ป่วยใกล้ตาย
แล้วลองถามเค้าดูว่า
พวกเค้าต้องการอะไรในชีวิต ?
เขาคงไม่อยากได้ไอโฟนรุ่นล่า คอมรุ่นใหม่ นาฬิกาเรือนแพง
บ้านหลังใหญ่ มีคนรักที่ดี มีครอบครัวที่มีความสุข
หรือมีรถยุโรปคันโก้หลายๆคัน ฯลฯ
เหมือนที่เราต้องการ
บางทีคำตอบที่เขาตอบเรา
จะทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้ขาดแคลนอะไรเลย
เรามีมากเกินไปด้วยซ้ำ
แต่ที่เรารู้สึกว่าเราขาดเพราะเราไม่รู้จักพอ
(ถึงตรงนี้พี่ก๋าอยากเราลองไปเป็นอาสาสมัคร
ทำงานเพื่อเด็กเร่ร่อน ไปช่วยคนแก่ในบ้านพักคนชรา
หรือลองไปเป็นครูอาสาบนดอยสักสองเดือนครับ
เราอาจจะเข้าใจสิ่งที่พี่ก๋ากำลังอธิบาย)
7. มีคู่ อยากอยู่คนเดียว พออยู่ลำพังกลับอยากมีคู่
- ทำตัวเองให้เต็ม ก่อนที่จะไปรักคนอื่น
อย่าไปคาดหวังเลยครับว่าอีกฝ่ายจะทำให้เราเติมเต็มได้
ความรักไม่ใช่การเติมเต็มของที่ขาด
แต่รักที่ดีหมายถึงคนที่เต็มเปี่ยมสองคนมาอยู่ด้วยกัน
ไม่ได้มาเพื่อเปลี่ยนแปลงกัน แต่มาเพื่อเข้าใจกัน
ไม่ได้มาเรียกร้อง
แต่มาหยิบยื่นในสิ่งที่ตัวเองมีเพื่อให้อีกฝ่ายจะรู้สึกดี
จะมีคู่หรืออยู่โดดเดี่ยว
ไม่สำคัญเท่ากับคุณมีความสุขกับตัวเองแล้วหรือยัง
ถ้ายังรักตัวเองไม่เป็น ยังไม่รู้ว่าความสุขในชีวิตตัวเองอยู่ตรงไหน
อย่าเพิ่งรีบร้อนไปรักใครเลย
เพราะในสิ่งที่เรายังขาดพร่องกับตัวเอง
เราจะไปคาดหวังว่าคนอื่นเขาจะมาเติมเต็มเราให้เต็มได้อย่างไร
8. อยู่คนเดียวก็เหงา อยู่กับเขาก็เบื่อ
- ถ้าใจเรา “เบื่อ” ต่อให้นั่งอยู่ในสวนสนุก
เราก็เบื่อครับ
เมื่อไหร่ก็ตามที่เราคิดว่า หากได้รักกับคนๆนี้
แล้วชีวิตเราจะหายเบื่อ
พี่ก๋าว่าเรากำลังมองคนรักเพื่อใช้เป็นที่ “พึ่งพา”
ไม่มีใครเป็นหลักยึดให้ใครได้ตลอดชีวิตหรอกครับ
เพราะคนๆหนึ่งต่างมีช่วงเวลาที่อ่อนแอ
มีด้านมืดของตัวเองที่อยากปกปิด
อยากระบายและโกรธเกลียดคนอื่น
อารมณ์เหงา เบื่อ เครียด ไร้สุข
มันเกิดจากตัวเรา
ถ้าเรายังจัดการกับมันไม่ได้
ใครก็ทำให้เราหายทุกข์ หายเหงา หายเบื่อไม่ได้ครับ
9. คนเราอยู่ด้วยกันโดยที่ไม่ได้ชอบกันจริงมีไหมครับ
- “ความรัก” บางครั้งคล้ายว่าเป็น “หน้าที่”
เมื่อคนสองคนมาอยู่ด้วยกัน
ถ้าเข้าใจกันได้ เรียนรู้ในความแตกต่างที่มี
และอดทนต่อความแตกต่างนั้นได้
ความรักก็ยังคงอยู่ได้
พี่ก๋าไม่ได้มองความรักแบบหวานแหวว
รักกันไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย
หรือเพราะฉันขาดเธอไม่ได้ และอยากรักเธอจนตาย
เลยขอผู้หญิงคนนี้แต่งงาน
แต่พี่ก๋ามองดูความจริงทั้งหมดที่มี ที่มองเห็น
ลองพูดคุย ลองใกล้ชิดเข้าไปในความสัมพันธ์
ดูทุกอย่างทั้งครอบครัวของเธอ ครอบครัวของเรา
ดูฐานะ ดูหน้าตา ดูความคิด ฯลฯ
แล้วจึงมาสรุปว่าเราอยู่กับคนๆนี้แล้วสบายใจ มีความสุข
เราไม่ได้เลือกเธอเพียงฝ่ายเดียว
แต่เธอเลือกเราด้วย
เราไม่ได้เลือกเธอฝ่ายเดียว
ครอบครัวของเธอเลือกเราด้วย
ทำไมคนยุคก่อน...เวลาถูกจับคู่คลุมถุงชน
แล้วถึงอยู่กันได้ยาวนาน ไม่หย่าร้าง
นั่นอาจเป็นตอบที่พี่ก๋าบอกไว้ตอนต้น
อดทน
เรียนรู้กันไป
เข้าใจหน้าที่ของความเป็นสามีภรรยา
รัก – ไม่รัก อาจไม่สำคัญเท่ากับ “หน้าที่”
รักหวานล้นที่จัดงานแต่งบนโรงแรม 5 ดาว
บันไดโรยด้วยกลีบกุหลาบจากฮอลแลนด์
แขกในงานนับพัน คำอวยพรนับหมื่น
อาจจบลงตรงการนับวันหย่าร้างหลังแต่งงานไม่ถึง 6 เดือน
อย่าคิดว่า “คนรักที่ดีที่สุด” จะเป็น “คู่ชีวิตที่ดีที่สุด” นะครับ
ก่อนแต่ง และหลังแต่ง
มีอะไรให้เราต้องเรียนรู้อีกมากมายจริงๆ
10. สุดท้ายแล้วการอยู่คนเดียวนั้นมีความสุขที่สุดแล้วจริงไหม
และ....
11. การที่เราหาใครสักคนมาเคียงคู่ หามาทำไม
มีแล้วต่างกับการอยู่คนเดียวอย่างไร
- เราเกิดและตายโดยลำพัง
แต่ระหว่างนั้น
บนเส้นทางที่เราเดินไป
แวดล้อมด้วยผู้คนมากมาย
ทั้งพ่อแม่ คนรัก เพื่อน ญาติ ศัตรู คนที่เราเกลียดชัง
และผู้คนต่างๆ
ถ้าเราคิดว่านี่คือความโดดเดี่ยวเดียวดาย
เป็นหนทางแสวงหาความหลุดพ้น
โดยจำเป็นต้องละทิ้งทุกคน ทุกสิ่ง
เพื่อบรรลุสุขสูงสุดในชีวิต
พี่ก๋าว่าไม่ใช่...
อะไรคือ “สุขสูงสุด”
เราว่าสุขสูงสุดของเราคืออะไร ?
คือ ไม่มีใครแล้ว ได้อยู่คนเดียว
เกิดและตายเพียงลำพัง
ไม่ต้องเสียใจ ไม่ต้องพลัดพรากกับใคร
ไม่ต้องเศร้าโศกเสียใจในเรื่องใดใด ?
“ความสุข” ของชีวิตในความหมายของพี่ก๋า
ไม่ได้แปลว่าชีวิตมีแต่สุข ปราศจากทุกข์
แต่คือการเข้าใจความทุกข์ต่างหาก
เมื่อไหร่ที่เราเข้าใจความทุกข์
เข้าใจจนรู้ได้ว่าทุกข์เกิดขึ้นได้อย่างไร
แล้วเราจะอยู่กับความทุกข์นั้นอย่างเข้าใจได้อย่างไร
ที่สุด...จะทำให้มันหายไปจากชีวิตเราได้อย่างไร
(หายไป – ซึ่งไม่ได้แปลว่าไม่มี ไม่เคยเกิดขึ้น
หรือจะไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป
หายไป --- ในความหมายของพี่ก๋าคือ มีอยู่ เคยมีอยู่
และจะมีต่อไป แต่มันทำร้ายเราไม่ได้
เพราะเราเข้าใจในการเกิดขึ้น ดำรงอยู่และสูญสลายไปของมัน )
สภาวะนั้นพี่ก๋าว่าคนเราจะสุขที่สุดโดยตัวมันเอง
ในวันที่เราสูญเสียความรัก
ถ้าคิดเป็น...เราจะรู้ว่านั่นคือเหตุการณ์หนึ่ง
เสียใจ ผิดหวัง แต่เริ่มต้นใหม่ได้
เพราะมันเป็นแค่ความไม่ลงตัวของความรู้สึก
แต่ถ้าคิดไม่เป็น...มันจะมีแต่ความโกรธ หดหู่ สิ้นหวัง
ในวันที่คนที่เรารักจากไป
ถ้าคิดไม่เป็น...เราจะด่าทอโลกว่าโหดร้าย ไม่มีเหตุผล
ทำไมต้องพรากคนดีดีให้จากไปก่อนเวลาอันควร
ถ้าคิดเป็น ... เราจะเข้าใจว่านี่คือสัจธรรมที่ไม่มีใครหนีพ้น
แทนที่จะก่นด่าทุกสิ่ง หรือกลัวความตายจนลนลาน
เราควรเอาเวลาที่เหลือในชีวิต มาใช้ชีวิตอย่างดีที่สุด
ทำประโยชน์ให้มากที่สุด
เวลาคนเราพบปัญหาหรือความทุกข์
มักคิดแต่จะ “แก้ไข”
ซึ่งการแก้ไขนั้น...ทำได้เพียง “ปรับปรุง” อะไรบางอย่าง
และบ่อยครั้งมันเผลอไปทำร้ายใครบางคนในนามของความปรารถนาดีด้วยซ้ำ
แต่ถ้าเรา “เข้าใจ” ปัญหา....
เราจะ “เปลี่ยนแปลง” ปัญหานั้นได้แน่นอน
12. ถ้าเราสามารถมองเห็นอนาคตได้
แล้วรู้ว่าวันพรุ่งนี้เราจะไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว
เราจะทำอะไรดีครับ
- เราไม่ได้อยู่บนโลกนี้ตลอดกาล
เราควรท่อง จำและย้ำเตือนกับตัวเองบ่อยๆด้วยซ้ำ
ว่า เราไม่ได้อยู่บนโลกนี้ตลอดกาล
เราแค่มาทำหน้าที่ แค่ชั่วขณะเวลาหนึ่ง
แล้วกลับคืนไปสู่จุดที่เราเกิด
เกิด-ตาย ตาย-เกิด เวียนว่ายเช่นนี้ไปเรื่อยๆ
จนกว่าจะเจอจุดสิ้นสุดของการเวียนว่ายตายเกิด
เราไม่จำเป็นต้องรู้อดีตเลย
เพราะเรากลับไปแก้ไขอะไรมันไม่ได้
เช่นเดียวกัน จะมีประโยชน์อะไรที่เราสามารถหยั่งรู้อนาคตได้
แต่ทำอะไรกับมันไม่ได้
การครุ่นคิดถึงแต่อดีตและอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
ก็เหมือนคนที่หิวแต่ไม่ออกไปหาข้าวกิน
ได้แต่ปล่อยให้ท้องร้องและหิวจนตาลาย
โดยนั่งคิดฝันไปเรื่อยๆถึงอาหารที่อร่อยเลิศรสที่สุด
แต่ไม่หาอะไรมาใส่ปากเคี้ยวและกลืน
วินาทีถัดไป...ชีวิตเราจะเป็นยังไง
เรายังไม่รู้เลยครับ
ใช้ชีวิตไปทีละวินาที
แล้วทำวินาทีนี้ให้ดีที่สุดดีกว่าไหม ?
13. ทรัพย์อื่นยิ่งกว่าสันโดษไม่มี ตีความให้หน่อยครับ
- “สันโดษ” คืออะไรครับ ?
ต้องนิยามความหมายให้ดี....
สันโดษ แปลได้ว่า คือ ความยินดี ความพอใจ
คือความรู้จักพอดี ความรู้จักพอเพียง
สันโดษไม่ได้แปลว่า ต้องโดดเดี่ยวหรืออยู่เดียวดาย
สันโดษไม่ได้แปลว่าต้องพึงพอใจในความจนของตนเอง
แต่สันโดษ คือ การรู้จักยินดีในสิ่งที่ตนเองมีอยู่
เห็นคุณค่าในสิ่งที่ตนเองมีอยู่
ชื่นชมในสิ่งที่ตนเองมีอยู่
เราเคยใช่ชีวิตแบบนี้บ้างหรือเปล่า
หรือว่าปล่อยให้ชีวิตวิ่งไปกับแรงเหวี่ยงของความอยาก
ถ้าใจเรามีความอยาก ความโลภ ความเห็นแก่ตัว
ต่อให้เราครอบครองโลกทั้งโลก
เราก็ไม่มีวันพึงพอใจ
สันโดษจึงไม่ได้แปลว่าพึงพอใจในตน แล้วเพิกเฉยสังคม
แต่สันโดษคือการที่เรารู้จักตนเองอย่างดีที่สุด
ดีจนเราไม่ถูกกระแสสังคมเหนี่ยวนำวิธีคิด พูดและกระทำของเรา
เมื่อไหร่ที่เราชัดเจนในตัวเอง
สิ่งต่างๆจะเป็นอย่างไร
ย่อมไม่ทำให้เรากระทบกระเทือนทางความรู้สึกได้เลย
กล่องความคิดเห็น
การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่