วันฟ้าหม่น
เขียนโดย : กะว่าก๋า
เคยเจอคนทุกข์ใจไหมครับ
นั่งคุยไปด้วยแล้วรู้สึกคล้อยตามอารมณ์เศร้าที่เขาเผชิญอยู่
หดหู่ และเหมือนพลังชีวิตของเราเองก็ถดถอยน้อยตามไปด้วย
เราเองก็เห็นใจในชะตากรรมความเศร้าที่เขาเผชิญอยู่
แต่ถ่านไฟที่วางอยู่บนมือเขา เขาย่อมแสบร้อนเอง
มิใช่เรา...ซึ่งได้แต่มองดูและทำได้เพียงเห็นอกเห็นใจเขาเท่านั้นเอง
……………………………………….
ครั้งหนึ่งในวันที่แดดจ้าแจ่ม
ผมเดินเล่นอยู่กลางแจ้ง
ฉับพลันทันใดนั้นเอง
ท้องฟ้าที่สดใสกลับมีกลุ่มเมฆดำลอยเคลื่อนตัวมาอย่างรวดเร็วและไร้ทิศทาง
ฟ้าสวยกลับกลายเป็นฟ้าครึ้มราวกับจะมีพายุรุนแรงพัดโหมกระหน่ำ
ขณะที่ยืนมองดูอย่างงุนงงนั้นเอง
เหมือนมีลมจากที่ใดสักแห่ง
พัดพาเมฆดำก้อนนั้นลับตาหายไปอย่างรวดเร็วไม่แพ้ตอนที่มันปรากฏกาย
...........................................
ไม่มีใครเกิดมาแล้วพบแต่ความสุขในชีวิต
เพราะแท้ที่จริงแล้ว ผมคิดว่า การเกิดมาเป็นมนุษย์นั้น
คือความทุกข์ทั้งหมดทั้งสิ้น
เป็นความทุกข์ที่ผูกติด นับตั้งแต่วินาทีแรกของชีวิตที่เรากำเนิดมา
จนถึงวินาทีสุดท้ายที่เราต้องจากโลกนี้ไป
ชีวิตเราแนบชิดติดกับภาวะแห่งการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
โดยมิอาจขัดขืน
ทุกช่วงของชีวิตล้วนมีแต่การสูญเสีย การพลัดพราก
เรา....มีหน้าที่ยอมรับ
และเรียนรู้ที่จะอยู่กับความทุกข์เหล่านี้ เผชิญหน้ากับมันให้ได้
และทำให้รู้สึกให้ได้ว่าแท้ที่จริงแล้ว ชีวิตเรานั้นก็เป็นเพียง....
“ความทุกข์ที่พอยอมรับและพอทนได้”
………………………………………..
ฟ้าหม่นบอกผมว่า เบื้องหลังความสุข มีความทุกข์แอบซ่อนเร้นอยู่ไม่ไกล
ส่วนฟ้าใสบอกว่า เบื้องหลังความทุกข์ ก็มีปลายทางแห่งแสงสว่างรอส่องฉาย
เพียงแต่ในความเป็นมนุษย์ที่ทำใจยอมรับความเจ็บปวดรวดร้าวไม่ค่อยได้
คุณต้องหาทางบอกเตือนตนให้รู้ ให้เข้าใจในสัจธรรมของชีวิต
ที่ไม่อาจหนีพ้นไปจากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
ความสูญเสีย ความพลัดพรากในทุกๆสิ่งให้ได้
ฟ้าจะเปิด หรือฟ้าจะหม่น มันเป็นเรื่องของวิถีธรรมชาติ
ที่อยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์
และเมื่อคุณสามารถยิ้มได้ แม้ในวันที่ฟ้าหม่นมัวที่สุด
“ความเศร้า” ก็เป็นเพียงแค่สายลมที่พัดผ่านชีวิตของคุณเท่านั้นเอง.
กล่องความคิดเห็น
การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่