หมาสีแดง
เขียนโดย : กะว่าก๋า
หมาสีแดง
ห่อนไห้โหยหวนค่อนคืน
หมาระยำสะอื้นไห้
ก่นบอกตัวเอง
ไม่ทำร้ายใคร
แต่จะเดินจากไป
เพียงลำพัง
ตี 2 : 30 น.
28 กุมภาพันธ์ 2538
..........................................
ในปีที่ผมต้องใช้ชีวิตเรียนที่ต่างบ้านต่างถิ่น
เป็นปีที่ยุ่งยากที่สุดปีหนึ่งในชีวิต
มีปัญหากับอาจารย์และระบบการศึกษาที่ไม่เป็นไปอย่างที่คิด
มีปัญหากับเพื่อนร่วมบ้าน เพราะนิสัยบางอย่างของเราที่ไม่ยอมคน
มีปัญหากับเพื่อนร่วมชั้นเรื่องการทำงานกิจกรรมนักศึกษา
อะไรๆดูจะไม่เป็นใจเอาเสียเลย
...ข้อดีของมันคงมีอยู่ข้อเดียว
คือ ทำให้ผมได้อ่านหนังสืออย่างบ้าคลั่ง
มีเวลาอยู่กับความคิดของตัวเอง
ค่อยๆแก้ปมปัญหาของตัวเองไปเรื่อยๆ เงียบๆ
...โดยลำพัง
.......................................
หน้าบ้านเช่าฝั่งตรงข้าม
ทุกวันผมนั่งมองลงมาจากหน้าต่างซึ่งติดกับโต๊ะทำงาน
หมาตัวหนึ่ง ค่อยๆปีนต้นไม้ ก่อนกระโดขึ้นไปเดินบนกำแพง....
เห็นแค่นี้ก็รู้สึกแปลกแล้ว
แต่กำแพงนี้สูงเกือบสามเมตร !!!
ผมไม่รู้ว่ามันนึกว่าตัวเองคือแมวหรือเปล่า
ถึงได้ปีนต้นไม้อย่างคล่องแคล่ว และเดินอยู่บนสันแนวกำแพงได้อย่างสบาย
มันใช้เวลาเดินวนไปวนมาอยู่สักสิบนาทีแล้วจึงค่อยๆกระโดดลงมา
ภายในบ้านหลังนี้ มีคนป่วยโรคจิตซึ่งผมไม่เคยได้เห็นหน้าค่าตาเพื่อนบ้านหลังนี้เลย
ยกเว้นเพียงเสียงกรีดร้องโหยหวนยามบ่ายของทุกวัน
เสียงร้องซึ่งเหมือนคนที่กำลังได้รับความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างยิ่ง
ไม่มีข้อมูลใดเพิ่มเติมมากไปกว่านี้
จนเรียนจบผมก็ไม่เคยได้พบหรือเห็นหน้าค่าตากับเพื่อนบ้านหลังนี้เลย
..........................................
ผมอาจโชคดีที่ทุกครั้งเวลาพบปัญหา
ผมเลือกที่จะทะเลาะกับตัวเอง เสียใจกับตัวเอง
และพยายามหาทางคลี่คลายปัญหาโดยไม่ฟูมฟาย
ผมนึกขอบคุณหนังสือ “ค้นหา” เขียนโดย นวลศิริ เปาโรหิตย์
หนังสือเล่มนี้วางซุกไว้ในห้องสมุดคณะฯ
ผมยืมหนังสือเล่มนี้กลับมาอ่านที่บ้าน อ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก
เหมือนถูกทุบหัวให้เกิดรอยปริของสมอง
ปัญหาบางอย่างถูกผ่องถ่ายออกจากชีวิต
ด้วยประโยคเพียงไม่กี่ตัวอักษรในหนังสือเล่มนี้
...............................................
ผมนึกย้อนกลับไป
วิธีที่ผมเลือกใช้ในการแก้ปัญหา มันอาจไม่ใช่วิธีที่ดีนัก
เพราะบางความเจ็บปวดของชีวิต เราก็ไม่มีสิทธิ์กลับไปแก้ไขใดใดได้
นอกจาก “เสียใจ” และ “เรียนรู้” จากเรื่องราวนั้นๆ
วันนี้..”หมาสีแดง” ไม่ได้อยู่ในชีวิตผมอีกแล้ว
มันจากไปนานแล้ว และคงยากที่จะหวนคืนกลับมาใหม่
ผมดีใจที่ในวันนั้น...
วันที่คิดว่าตัวเองมีปัญหาที่สุด วันที่ใจอ่อนล้าแรงมากที่สุด
ผมไม่ได้เลือกที่จะปีนขึ้นไปเดินบนกำแพง
และส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน
แต่เลือกที่จะสะอื้นไห้โดยลำพัง....
และตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่
เพื่อดำเนินชีวิตต่อไป.
กล่องความคิดเห็น
การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่