บทความทั่วไป

ใครว่าใคร...

กะว่าก๋า

เขียนโดย : กะว่าก๋า

 

 




ใครว่าใครเก็บกด ?
ใครว่าใคร...ถดถอย ?
ใครที่เป็นคนเลื่อนลอย ?
ใครที่ปลดปล่อย...ความคิดเสรี ?



11.40 น.
7 มกราคม 2538


 



ผมนั่งมองตัวเองในวันนี้
กับตัวตนในวันนั้น
วันที่ยังเป็นนักศึกษาคนหนึ่ง
ผู้ผิดหวังในระบบการศึกษาที่ตนเองมุ่งหวัง
นี่คือความรู้สึกทั้งหมดในวันนั้น
ผมเขียนความรู้สึกนี้ไว้ในบันทึก
และอยากออกไปแลกอนาคตกับอาจารย์ในคณะฯสักตั้ง...
นับเป็นเรื่องดีที่ในตอนนั้นผมไม่ได้ทำอย่างที่คิด


 


........................................
 

 



เพื่อนหลายคนมองผมด้วยสายตาเคลือบแคลง
บางคนบอก


“มึงจะเอาอะไรกันนักกันหนา เรียนๆให้มันจบๆ
ทะเลาะกับอาจารย์ไปทำไม มาเพื่อเอาปริญญาไม่ใช่หรือ ?”


เปล่า....ผมไม่เคยบอกตัวเองว่ามาเรียนมหาวิทยาลัยเพื่อต้องการ “กระดาษ” แผ่นเดียว
ผมมาที่นี่เพื่อต้องการ “วิชาความรู้” เพิ่มเติม
เพื่อกลับไปทำและเป็นอย่างที่ใจเคยมุ่งหวัง
ผมอยากเป็น “ครูที่ดี” สักคนหนึ่ง
“ครู” ซึ่งมีความหมายมากกว่าคนรับจ้างสอน
หรือคนที่สอนเด็กแบบไปวันๆ....
ผมอยากเป็นครูในแบบที่ผมเคยเห็น
“ครูต้นแบบ” มากมายของผม
“ครู” ซึ่งเป็นมากกว่า “ครู”
“ครู” ผู้เป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ ทั้งพ่อหรือแม่ ในเวลาเดียวกัน
“ครู” ผู้นำทางไปสู่เส้นทางความหวัง
“ครู” ผู้ให้กำลังใจ สนับสนุนและชื่นชม
รักและห่วงใย ลูกศิษย์
ครับ...รักเหมือนลูก ดูแลในฐานะศิษย์
โชคดีที่ผมได้พบเจอครูเหล่านี้มากมายหลายท่าน
โชคร้าย...ที่ผมดันมาเจออาจารย์บางคนในคณะฯ

ที่ทำตัวไม่เหมาะสมกับคำว่า “ครู” เลย...
อย่าว่าแต่เฉียดกรายความหมายของคำว่า “ครู”
คำนี้สูงส่งเกินไปสำหรับคนบางจำพวก....


 

 


.......................................
 

 



หลายพฤติกรรมที่ผมรับไม่ได้
ของคนที่เรียกตัวเองว่า “อาจารย์”



- ไม่เข้าสอนเลยเกือบตลอดทั้งเทอม

เพราะต้องเอาเวลาสอนไปรับงานนอก ซึ่งมีรายได้ดีกว่า



- การตัดเกรด ซึ่งไม่ทราบว่ามีมาตรฐานใดชี้วัด
เรียนก็ไม่ได้เรียน ถึงเวลาออกข้อสอบ
กับ ใช้รายงานแค่ฉบับเดียวตัดสินเกรดของทั้งเทอม

บางคนถ่ายเอกสารข้อเขียนของคนอื่นจากนิตยสาร

เย็บรูปเล่มสวยๆ ส่งอาจารย์แล้วก็ได้ A แบบเจ้าตัวยังงงชีวิต

 



- เข้ามาถึงก็เล่าแต่ประวัติชีวิตตัวเอง

ข่มนักศึกษาด้วยความเก่งกาจสามารถของตัวเอง

เห็นลูกศิษย์โง่ตลอด ข้าเก่งอยู่คนเดียวประเทศชาตินี้

 



- สั่งงานเสร็จแล้วก็หายจ้อย

ไปรับงานนอกอีกตามเคย การตรวจงานหน้าชั้น

ก็ไม่ได้ทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้อะไรเลย ทำแบบขอไปที
 

 


- อาจารย์บางคนมีปัญหาเรื่องชู้สาวกับลูกศิษย์และเจ้าหน้าที่ในคณะฯ

 



- ไม่เคยอยู่ติดคณะฯเพื่อปรึกษาข้อมูลเลย

บางวันไปนั่งรอเรียนรอพบที่คณะฯ รอจนเบื่อ..

แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

“พอดีผมติดธุระ เข้าไปไม่ทัน คุณบอกทุกคนให้กลับบ้านได้”
 

 



ผมบอกตัวเองให้ยกมือไหว้พวกเขา เพราะว่าเขาเกิดก่อนเรา
จนถึงวันนี้ ผมไม่เคยเคารพพวกเขาในฐานะอาจารย์ของผมเลยสักครั้ง
ไม่เคยมีความภูมิใจที่ได้เรียนในคณะฯนี้
สองปีที่ผมเรียนที่นี่ เพื่อ “ปริญญาตรี”
ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกว่ามีความรู้เพิ่มเติมอะไรเลย
วิชาการใหม่ๆ ผมหาอ่านและดูเอาเองจากหนังสือในห้องสมุด
แถมยังเกือบเรียนไม่จบเพราะต้องคอยทะเลาะกับอาจารย์ในคณะฯ

ยังดีที่อาจารย์ต่างสาขา...สอนและเป็นที่ปรึกษาได้เป็นอย่างดี
ผมรู้สึกสนุกกับการเรียนวิชาเลือกมากกว่าวิชาหลักในคณะฯ
จนทุกวันนี้ ผมก็ยังระลึกถึงอาจารย์เหล่านั้นด้วยความเคารพนบน้อมในใจตลอดมา

 

 



................................................
 

 



ไม่รู้แล้ว....
ว่า “ปริญญาบัตร” ของผมถูกวางทิ้งไว้ที่มุมใดของบ้าน
และผมก็ไม่ได้เป็น “ครูที่ดี” อย่างที่เคยมุ่งหวัง
ชีวิตมันเบี่ยงเส้นทางเดินของผมไปไกลจากความคาดหวังลิบลับ
ถึงตอนนี้ ผมไม่ได้โกรธ “คนเหล่านั้น” เหมือนวันก่อนอีกแล้ว
ไม่ถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับนักศึกษารุ่นน้อง
ไม่สนใจรับรู้การเปลี่ยนแปลงอะไรที่นั่นหลังจบออกมา

แค่พยายามลบลืม “สองปีที่ฝันร้าย” ให้ออกจากใจไปได้
ก็ต้องใช้เวลายาวนานหลายปี
และอีกหลายปี เพื่อให้อภัย
กับคนที่ผมไม่เคยคิดว่าพวกเขาจะเปลี่ยนเป็น “ครูที่ดี” ได้เลย.

 

 








 



ผมแปลกใจเมื่อถึงถึงรูปวาดในแนวนี้
ที่ตัวเองวาดและเก็บไว้จำนวนหนึ่ง
"เด็กเก็บกด" หายไปเมื่อไม่กี่ปีมานี้
และคงไม่กลับมาอีกแล้ว.....

 

 

กล่องความคิดเห็น

การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่