คุณครูมือใหม่
เขียนโดย : กะว่าก๋า
ผมมีโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้ทำหน้าที่พ่อพิมพ์ของชาติ
ได้เป็นครูอย่างที่หวังตั้งใจ
ถึงจะมีเวลาสั้นๆให้ทดลองแค่สามเดือนเท่านั้น
ยังจำวันแรกที่เข้าไปที่โรงเรียนเพื่อขอสมัครเป็นครูฝึกสอน
อาจารย์หัวหน้าคณะฯถามว่า
“มาจากไหนกันคะ ?”
“จากสถาบัน.......................ครับ” ผมบอก
อาจารย์สีหน้าเปลี่ยนทันที ตอบสวนกลับมาด้วยเสียงดัง
“ฉันบอกแล้วไง ว่าที่นี่ไม่ต้อนรับครูฝึกสอนจากสถาบันนี้
ทำไมยังมากันอีก พวกคุณกลับไปได้แล้ว ที่นี่ไม่ต้องการครูฝึกสอน”
เพื่อนสามคนที่ไปด้วยหน้าเสีย ลุกขึ้นทำท่าจะหันหลังกลับ
แต่ผมชิงพูดขึ้นก่อนว่า
“ผมอยากทราบเหตุผลที่อาจารย์ไม่รับพวกผม”
อาจารย์ทำหน้าไม่พอใจอย่างยิ่ง
เสียงยิ่งพูดยิ่งดังจนเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการหันมามองกันเป็นตาเดียว
“ก็ครูฝึกสอนที่นี่เมื่อปีที่แล้วมันห่วยแตกน่ะสิ
ไม่มีความรับผิดชอบเลย ตอนสอนก็ไม่ตั้งใจสอน
พอใกล้ธีสิสต้องส่งงานพวกคุณก็หายหัวไปเลย
ข้อสอบไม่ออก ตัดเกรดไม่ทำ
พอกันที ฉันไม่ทนกับพวกห่วยๆแบบนี้หรอก”
“ขอผมอธิบายอะไรสักนิดได้ไหมครับ” ผมพูด
เพื่อนที่มาด้วยขยับทำท่าจะกลับเมื่อเห็นเค้าลางชักไม่ดี
พยายามสะกิดแขนผมให้ถอยออกมาแต่โดยดี
แต่ผมคิดว่าผมต้องพูด...
“ผมไม่รู้ว่ารุ่นพี่ทำอะไรแย่ๆไว้บ้างเมื่อปีที่แล้ว
แต่นี่คือผม ไม่ใช่พวกเค้า
ผมตั้งใจมาที่นี่ ตั้งใจมาเป็นครูที่นี่อย่างจริงจัง
ปลาตัวเดียวทำเสีย ทำไมปลาอย่างพวกผมต้องมารับความเหม็นเน่านี้ด้วย”
อาจารย์นิ่งเงียบ เพื่อนที่ไปด้วยกันไม่ได้พูดอะไรสักคำ
“แล้วคุณจะเอายังไง ?” อาจารย์ตั้งคำถาม แต่น้ำเสียงเริ่มอ่อนลง
“ผมขอพิสูจน์ตัวเองว่าผมทำได้ดีกว่ารุ่นพี่พวกนั้น”
ผมตอบอย่างจริงจัง
“คุณแน่ใจ”
“แน่ใจครับ” ผมหันไปมองเพื่อนๆที่ไปด้วย ทุกคนพยักหน้าหงึกๆ
“ดี...อาจารย์จะลองให้โอกาสพวกคุณอีกสักครั้ง
หวังว่าอาจารย์จะมองคนไม่ผิดนะ”
......................................
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสอนที่นี่
นักเรียนที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องความเฮ้ว
เป็นพวกนักเรียนศิลปะติสต์แตกแถมยังก่ำกึ่ง จะเด็กก็ไม่ใช่ ผู้ใหญ่ก็ไม่เชิง
เรื่องการแต่งตัวไม่ต้องพูดถึง ผิดระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้า
หัวย้อมทุกสี ตั้งแต่เขียว แดง ม่วง เหลือง
ผมไม่เคยลืมวันแรกที่เข้าสอนในชั้นเรียน
การเตรียมการสอนอย่างเต็มที่ล่วงหน้า
ทำให้ผมไม่กลัวเลยที่จะเข้าไปสอนพวกเขา
ผมเข้าไปยืนหน้าชั้นแล้วพูดว่า
“ผมมานี่ไม่ได้มาเป็นครูเพื่อกดหัวพวกคุณ
ผมอายุมากกว่าพวกคุณไม่กี่ปี เจอกันข้างนอกก็เป็นรุ่นพี่
ความรู้ไม่ได้เหนือคุณ ผมแค่อ่าน แค่เรียนมามากกว่า
บางอย่างผมรู้ ผมก็สอนคุณ บางอย่างที่ผมไม่รู้ ผมอาจต้องเรียนรู้จากคุณ”
เสียงจอกแจกพูดคุยในห้องเริ่มเงียบ
ผมมองดูลูกศิษย์กลุ่มแรกในชีวิตของผมแล้วพูดต่อไปว่า
“อยู่ในห้อง คุณจะแต่งตัวยังไงก็ได้ ผมไม่สน
จะเอาเสื้อออกนอกกางเกงก็ได้ผมไม่ว่า
แต่ขอเวลาอาจารย์นิเทศมาก็ช่วยผมหน่อย
ไปเดินแถวโรงอาหารก็หลบๆอาจารย์ปกครองหน่อย”
พูดถึงตรงนี้หลายคนหัวเราะคิกคักๆ
ผมแอบเห็นหลายคนเอาเสื้อออกนอกกางเกงเหมือนเดิม
“เรื่องทรงผมก็เหมือนกัน จะสีอะไรอยากทำก็ทำไป
ขอให้เข้าเรียน ส่งงานตามกำหนด ผมขอแค่นี้”
ลูกศิษย์พยักหน้าหงึกๆ ดูเหมือนการเริ่มต้นเป็นไปได้ด้วยดี
“ผมหวังว่าเราจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่างระหว่างกันและกัน
มีอะไรพูดคุยกับผมได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องเงิน”
เสียงฮาจากเด็กท้ายห้องดังขึ้นทันที บรรยากาศดูผ่อนคลายมากขึ้น
สักพักอาจารย์หัวหน้าคณะเข้ามาในห้องเพื่อนิเทศฯเป็นครั้งแรก
ผมสอนเนื้อหาในวิชาที่เตรียมมาทั้งหมดจนครบเวลา
นักเรียนให้ความร่วมมือดีอย่างเหลือเชื่อ ทุกคนตั้งใจเรียนมาก
ผมเองรู้สึกประทับใจกับนักเรียนทุกคนของผม
หมดเวลา...ผมเดินออกมานอกห้อง อาจารย์นิเทศยิ้มให้ และบอกว่า
“คุณทำได้ดีมาก”
และนี่เป็นครั้งเดียวที่อาจารย์เข้านิเทศผม
หลังจากนั้น ผมรู้สึกเหมือนอาจารย์ไว้ใจและมั่นใจในตัวพวกเรามากขึ้น
.............................................
ผมสอนวิชาสถาปัตยกรรมไทย
สอนหนึ่งครั้งแต่ผมเตรียมข้อมูลเยอะมาก
บางครั้งสอนแค่ชั่วโมง
แต่ผมต้องไปค้นคว้าหนังสืออ่านถึงสามสิบเล่ม
เป็นความเหนื่อยที่น่าสนุก
ชั้นเรียนของผมเป็นไปได้ด้วยดีเกินกว่าที่คาดคิดไว้
เด็กๆดูสนุกกับการสอนแบบ “เพื่อนและพี่” ของผม
วันที่มีสอน...ผมจะนั่งทำงานต่อในโรงเรียนทั้งวัน
เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้เข้ามาพูดคุยปรึกษาได้
บางทีก็นั่งตรวจงานการบ้าน
และบ่อยครั้งที่อาจารย์หัวหน้าคณะให้ช่วยทำงานด้านต่างๆ
ผมดีใจที่ลบภาพแย่ๆ ที่รุ่นพี่เคยทำไว้
เพื่อนๆที่มาฝึกสอนร่วมกันก็ทำงานหนักไม่แพ้กัน
เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าเราไม่เป็น “พวกแย่” เหมือนคำที่ปรามาสไว้
ผมอยู่ที่นี่จนกระทั่งการเรียนการสอนจบลง
ตัดเกรดเสร็จเรียบร้อย ยังไปช่วยอาจารย์ในคณะทำงานต่อ
ซึ่งไม่เคยมีนักศึกษาฝึกสอนกลุ่มไหนเคยทำแบบนี้มาก่อน
ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่พอการสอนจบก็เปิดแนบ
เพราะต้องไปเร่งทำงานทีสิสส่ง อันเป็นตัวจบสุดท้ายที่สำคัญมาก
แต่ผมบอกเพื่อนทุกคนให้ไปสานต่องานให้เสร็จสิ้น
ทำให้เกินกว่าที่เขาคาดหวัง
ทำแล้ว...ทำให้ดีที่สุด
..............................................
นักเรียนในห้องผมได้เกรดดีเกือบทุกคน
ผมตัดเกรดอย่างเท่าเทียมกัน
ใครไม่ส่งงานก็ตัด F จริงๆ
ใครทำดีก็ให้ A ไม่หวงเกรด
ไม่ดึงเกรดนักเรียนเพื่อยกตัวเองว่าเป็นอาจารย์ที่เจ๋ง
ผมถือว่าเด็กได้ความรู้ไปแล้ว เกรดคือกำลังใจที่ให้
และหวังว่าจะเป็นการจุดประกายที่ทำให้เขารักในการเรียนรู้
ไม่ใช่เรียนเพื่อหวังเกรด ตัวเลขหรือคะแนน
โดยไม่ให้น้ำหนักในเรื่องของการเรียนรู้
ซึ่งผมเน้นย้ำมาโดยตลอดว่า
เกรดหรือตัวเลข ไม่สำคัญเท่ากับความรู้ที่พวกคุณได้รับ
...............................................
สิ่งที่ผมภูมิใจคือ วันสุดท้ายที่ต้องไปลาอาจารย์หัวหน้าคณะ
ผมจำได้ไม่มีวันลืม อาจารย์พาผมเดินไปที่หอพักครูของโรงเรียน
“เธอเลือกเอาว่าจะเอาห้องไหน จบแล้วมาทำงานด้วยกัน
มาช่วยกันพัฒนาโรงเรียนนี้ด้วยกันนะ”
ผมอึ้ง....
“ขอบคุณมากที่พวกคุณมาช่วยสอนนักเรียนของเรา
คุณรู้ใช่มั้ยว่าบุคลากรเราไม่พอ ลองเก็บไปคิดดูนะ
แล้วมาให้คำตอบอาจารย์อีกที”
ผมยิ้มรับแทนคำตอบ
ใช่...การเป็นครูคือสิ่งที่ผมมุ่งหวัง แต่ไม่ใช่ที่นี่ครับ
ผมอยากกลับไปเป็นครูที่บ้าน....
ผมได้แต่นึกในใจ
ภูมิใจที่เราชนะคำสบประมาทในตอนต้นได้
ทั้งภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ “ครู” อย่างดีที่สุด
.......................................
ผมยังเก็บจดหมายที่นักเรียนเขียนให้ผมไว้ทุกแผ่น
มันเก่าและเริ่มกรอบเหลือง
ผมไม่รู้ตอนนี้แต่ละคนจะไปได้ดีในชีวิตขนาดไหน
แต่ผมอยากให้พวกเขารู้ไว้
ว่าผมภูมิใจมากแค่ไหน ที่ครั้งหนึ่งได้เป็นครูของพวกเขาเหล่านั้น
กล่องความคิดเห็น
การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่