บทความทั่วไป

ม้วนเทปที่หายไป...

กะว่าก๋า

เขียนโดย : กะว่าก๋า

 





ผมนั่งนึก...ม้วนเทปที่เคยมีอยู่ม้วนหนึ่งหายไป
ลองกลับไปรื้อค้นดูในชั้นเทป หาเท่าไหร่ แต่ก็ยังหาไม่เจอ...


..........................................



ปีนั้น,
ในมือของผมมีเทปชุด “ศิลปินป่า” ของจรัล มโนเพ็ชร ที่เพิ่งซื้อมา
นำเทปใส่เครื่องเล่น ค่อยๆฟังไล่เรียงไปทีละเพลงๆ
อ่านเนื้อเพลงตามไปด้วย ก่อนที่เสียงเพลงของเพลงๆนี้จะดังขึ้น
ผมไล่สายตาอ่านตามเนื้อร้องที่มีความหมายกินใจ

 


..............
 



* ฝ่าไอละออง หมอกและควันคลุ้งเหงื่อที่รินไหล
จะมองหาเศษเดนน้ำใจ ที่จะจุดประกายชีวิต
ไม่มีสิทธิไปหวัง

อาจมีรอยยิ้ม ที่ดูเอมอิ่มควรระวังหลัง
ได้โอกาสลงมือไม่มียั้ง และต่างคลางแคลงระแวงระวัง
ไปตกเป็นชิ้นเหยื่อ ถูกฝังทั้งเป็น
นี่แหละเมืองหลวง.....

 


................
 

 


ผมนั่งฟังเพลงนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ฟังเป็นสิบๆเที่ยว
ฟังอยู่เพลงเดียวตั้งแต่ตอนเย็นจนถึงกลางดึก
จนเพื่อนร่วมห้องเดินออกมาถาม


“ฟังเพลงอะไรว่ะ เห็นฟังตั้งแต่เย็นเป็นร้อยรอบแล้ว ไม่เบื่อหรือไง ?”


ผมเงียบและไม่ได้โต้เถียงอะไร ปิดเทป
แล้วหยิบเอากีต้าร์ขึ้นมาร้องเพลงนี้เบาๆ

 


........................
 



** ไม่มีคนจะมาสนใจ ไม่มีใครไหนจะมาคิดห่วง
ว่าจะเป็นจะตายก็ตามดวง
ว่าจะอิ่ม จะกลวง จะหิว หรือไส้กิ่วโทรมสั่น

เหนื่อยหน่ายและท้อ ที่ต้องงอก่อเกรงให้คนขัน
ที่ไม่อยากจะทำต้องทำมัน
เป็นกากเป็นเดนอยู่เมืองสวรรค์
น่าหวาดและหวิวหวั่น อยากหันหน้าไปไกลจากมันเสียที


 


……………………
 

 



เช้านั้นผมตัดสินใจนั่งรถทัวร์กลับบ้านที่เชียงใหม่
เดินไปบอกเพื่อนร่วมห้องว่า


“เบื่อที่นี่...อยากกลับบ้าน อาจจะไม่กลับมาอีกแล้ว”


เพื่อนเงียบและอึ้งกับคำพูดของผม....

การศึกษาในมหาวิทยาลัยชื่อดัง ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ผมคิดหวังไว้เลย
ผมหวังจะมาหาความรู้ ฝันว่าจะได้พบเจออาจารย์ที่ดี
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลยตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา

กลับมาถึงบ้านที่เชียงใหม่ ผมเดินไปบอกพ่อว่า


“ไม่เรียนแล้วนะ ไม่มีความสุข”


พ่อพูดแค่เพียง “โตแล้ว ตัดสินใจเองเลย”


ผมรู้ผ่านแววตาว่าพ่อยังเชื่อมั่นในความคิด ในตัวตนของผม

ผมใช้เวลานั่งๆนอนๆอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรอยู่อาทิตย์กว่า
นึกถึงหน้าที่ที่ควรทำของการเป็นลูกที่ดี
คิดถึงความหวังที่พ่อแม่ฝากฝังไว้
ผมชั่งน้ำหนักกับความรู้สึกที่ผมเกลียดชังระบบการศึกษาในมหาวิทยาลัยที่เรียนอยู่
กับสิ่งที่ควรทำในฐานะของความเป็นลูก
และผมจะเลือกสิ่งใดดี.......

 


............................

 


*** ธันวาอีกคราว กับลมเหนือมันหนาวสิ้นดี
ธันวาทุกปี อยากจะหนีกลับคืนบ้านเก่า
ฟ้าสวยสดใส ส่งดวงใจไปเยือนเพื่อนเก่า
ปลายปีเราอาจ มีโอกาสจะกลับไปหา
ถ้ายังมีสิทธิจะไป


 


……………………….
 



ปีนี้,
เกือบสิบกว่าปีแล้วที่ผมเรียนจบมา
วันก่อนค้น mp3 รวมเพลงจรัล มโนเพ็ชร เอามาเปิดฟังเพื่อแกะเนื้อเพลงอีกครั้ง
เสียงเพลงดังขึ้น และเพลงนี้ก็หวนกลับมาอีกครั้งในความรู้สึกของผม

 


……………………..
 



**** จะมีใครอยู่คอยเฝ้ารอรับ และยินดีถ้ากลับไปบ้านเดิม
อาจจะมีแต่คนซ้ำเติม ให้เราเจ็บและอายใจยับ
ไม่น่าจะกลับไปเลย

จากความแหลกเหลว เช่นคนเลวถูกมองแล้วเมินเฉย
บ้างคงเหยียดเกลียดชังน้ำหน้าเลย
ให้หมดกำลังใจจะเปิดเผย
คงถากและถางยำและเย้ยเรา ไปจนกว่าจะสาใจ


 


…………………….

 

 


ผมนั่งคิดถึงการตัดสินใจในวันนั้น
วันที่เลือกกลับมาสู้ต่อ กลับมาเรียนต่อแม้จะไม่ชอบระบบ
ไม่ศรัทธาอาจารย์(บางคน)
เพลง “กลับบ้านไม่ได้” ทำให้ผมเติบโตขึ้น
ทำให้ผมเรียนรู้ความจริงบางด้านของชีวิต
ทำให้รู้ว่า ไม่ใช่เมืองใหญ่หรอกที่เลวร้าย หลอกลวง
แต่เป็นตัวเราต่างหาก ที่ไม่อาจผสมกลมกลืนไปกับความเจริญของเมืองได้
น้ำไม่มีสิทธิ์เลือกปลาที่จะเข้ามาอยู่
หากแต่ปลาต้องเลือกน้ำที่เหมาะสมกับตัวเอง
เขาคือเขา เราคือเรา
ไม่อาจเปลี่ยนเขา เปลี่ยนเราได้

ผมเรียนจบและกลับมาทำงานต่อที่เชียงใหม่
มีความสุขกับการใช้ชีวิต และมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของเมืองเชียงใหม่
ซึ่งคลับคล้ายคลับคลากรุงเทพเข้าไปทุกทีๆ

 

 


.............................................

 



เสียงเพลงเงียบลงแล้ว

ผมนั่งนึก....
ม้วนเทป “ศิลปินป่า” ที่เคยมีอยู่
มันหายไปไหนหนอ
ผมพยายามค้นดูอีกหลายที่ก็ยังหาไม่เจอ
แต่ไม่เป็นไร....ผมรู้ดี เสียงเพลง “กลับบ้านไม่ได้”
ไม่ได้หายไปไหน....
เพลงนี้ยังคงเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผมตลอดไป.


 


………………………………

 



เพลง : กลับบ้านไม่ได้
คำร้องโดย : จรัล มโนเพ็ชร
จากชุด : ศิลปินป่า



ฝ่าไอละออง หมอกและควันคลุ้ง เหงื่อที่รินไหล
จะมองหาเศษเดนน้ำใจ ที่จะจุดประกายชีวิต ไม่มีสิทธิ์ไปหวัง
อาจมีรอยยิ้มที่ดูเอมอิ่ม ควรระวังหลัง
และโอกาสหล่นมือไม่มียั้ง และต่างคลางแคลงระแวงระวัง
ไปตกเป็นชิ้นเหยื่อ ถูกฝังทั้งเป็น นี่แหละคือเมืองหลวง

ไม่มีคนจะมาสนใจ ไม่มีใครไหนจะมาคิดห่วง
ว่าจะเป็นจะตายก็ตามดวง ว่าจะอิ่มจะกลวงจะหิว หรือไส้กิ่วโทรมสั่น
เหนื่อยหน่ายและท้อ ที่ต้องงอก่อเกรงให้คนขัน
ที่ไม่อยากจะทำต้องทำมัน เป็นกากเป็นเดนอยู่เมืองสวรรค์
ข้าหวาดและหวิวหวั่น อยากหันหน้าไปไกลจากมันเสียที

* ธันวาอีกคราว กับลมเหนือมันหนาวสิ้นดี
ธันวาทุกปี อยากจะหนีกลับคืนบ้านเรา
ฟ้าสวยสดใส ส่งดวงใจไปเยือนเพื่อนเก่า
ปลายปีเราอาจมีโอกาสจะกลับไปหา ถ้ายังมีสิทธิ์จะไป

จะมีใครอยู่คอยเฝ้ารอรับ และยินดีถ้ากลับไปบ้านเดิม
อาจจะมีแต่คนคิดซ้ำเติม ให้เราเจ็บและอายใจยับ ไม่น่าจะกลับไปเลย
จากความแหลกเหลว เช่นคนเลวถูกมองและเมินเฉย
บ้างคงเหยียดเกลียดชังน้ำหน้าเลย
ให้หมดกำลังใจจะเปิดเผย คงถากและถางย่ำ
และเย้ยเราไปจนกว่าจะสาใจ

ฟ้าสวยสดใส ส่งดวงใจไปเยือนเพื่อนเก่า
ปลายปีเราอาจมีโอกาสจะกลับไปหา ถ้ายังมีสิทธิ์จะไป

จะมีใครอยู่คอยเฝ้ารอรับ และยินดีถ้ากลับไปบ้านเดิม
อาจจะมีแต่คนคิดซ้ำเติม ให้เราเจ็บและอายใจยับ ไม่น่าจะกลับไปเลย
จากความแหลกเหลว เช่นคนเลวถูกมองและเมินเฉย
บ้างคงเหยียดเกลียดชังน้ำหน้าเลย
ให้หมดกำลังใจจะเปิดเผย คงถากและถางย่ำ
และเย้ยเราไปจนกว่าจะสาใจ




...................................................


กล่องความคิดเห็น

การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่