บทความทั่วไป

มหาวิทยาลัย...ให้อะไรเรา ?

กะว่าก๋า

เขียนโดย : กะว่าก๋า
 

 


ม.ให้อะไร


ผลงาน : พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์

 




เขาหวัง เขารอด้วยความแกร่ง รอนแรมจากครอบครัวมา
หวังปริญญามหาวิทยาลัย
อุดมการณ์อุดมความแกร่ง โรคแล้งน้ำใจจะแก้ไข
ให้ความเป็นธรรม ทุกชนทุกชั้น ทั่วไป

ไต่เต้า รับราชการยศต่ำ

คุณธรรมยังนำความอยากในใจ

เพื่อนฝูงอย่างไร กินได้รวยไป ไม่สนใจ
จิตใจของคนต่ำสูง ไม่เทียมเท่ากัน
เขายังหวัง สักวัน เพื่อนเขาจะกลับใจ

อยู่ไปอยู่มา ถึงจึงรู้ว่า โลกนี้คนดีมีน้อยเกินไป
แค่คนไม่ชั่ว ไม่ต้องดี ไม่รู้อยู่ไหน
เขาจึงมองย้อนไปถึงชีวิตในมหาลัย
แล้วตั้งคำถาม.....มหา’ ลัย ให้อะไรเรา

* ไม่ได้สอนให้เรียน แข่งขันอย่างคลั่งบ้า
ไม่ได้สอนคิดบ้า ว่าเป็นคนเหนือคน
จบเห็นแก่ตนแต่งงานสืบพันธุ์แล้วตาย
( มหา’ลัย สอนไว้ให้เราเป็นข้าประชาชน)




( ซ้ำ * )

 



ไม่ได้สอน ให้โกง ให้กลอกกลิ้ง
ไม่ได้สอนว่าเป็นเทวดา
ไม่ได้สอนให้จบออกมา เหยียดหยามประชาชน
ไม่ได้ให้ปัญญา เอาไว้คดโกงสังคม
มหา’ลัยสอนไว้ให้เรา เป็นข้าประชาชน
ไม่ได้สอนให้เป็นเทวดา
ไม่ได้สอนให้จบออกมา เหยียดหยามประชาชน
ไม่ได้สอนว่าเป็นเทวดา
จบเห็นแก่ตน แต่งงานสืบพันธุ์แล้วตาย
ไม่ได้ให้ปัญญา ไว้โกงสังคม
มหา’ลัยสอนไว้ ให้เรา เป็นข้าประชาชน

( ซ้ำ * ‘ til fade )

 



……………………………………………….

 

 

 


เธอเข้าไปทำอะไรในนั้น ?
เข้าไปเพื่อเรียนรู้โลกกว้าง
หรือแค่เดินดุ่มอยู่บนทางเดินร้างไร้
เธอฝันถึงสิ่งใดในวันพรุ่ง
แค่เรียนให้จบตามหลักสูตร
แค่กระดาษหนึ่งแผ่นที่เรียกขานว่า “ปริญญา”
แค่ตัวเลขสวยๆในใบเกรด เพื่อสู่โอกาสการทำงานที่ดีกว่า
แค่ได้เรียน ได้รัก ได้เที่ยว ได้เล่น
แค่ไหน ?..........
แค่ไหน ?..........แค่ไหนที่เธอต้องการ ?

 

 

 


..............................................

 




เธอเข้าไปทำอะไรในนั้น ?
เขาคัดแยกเธอเหมือนเครื่องจักร
เอ็งเก่งสายวิทย์ไปทางนี้ ถนัดสายศิลป์ไปทางโน้น
เอาล่ะ...เรามีชุดความคิดสำหรับฟันเฟืองที่แยกไว้
ยัดมันลงใส่หัว อย่าไปคิดไปถามอะไรให้มากนัก
อย่าก้าวร้าวหรือเป็นเด็กขี้สงสัย
ฉันจะปั้นพวกเธอให้เป็นฟันเฟือง
เพื่อป้อนสู่โรงงานทุนนิยม
พวกเธอจะกลายเป็นหน่วยหนึ่งที่มีทักษะเฉพาะทางอันสมบูรณ์แบบ
ความรู้แคบๆที่จำกัด รู้เฉพาะในสิ่งที่เรียน
รู้เฉพาะสิ่งที่อาจารย์สอน
รู้แต่วิชาการอันคับแคบ

และถูกจัดเตรียมไว้ตามแต่ใจอาจารย์ผู้สอน

ตามแต่ที่บริษัท โรงงาน ห้างร้านทั้งหลายต้องการ

ฉันจะปลูกฝังความเชื่อไว้ในสมองของพวกเธอ
เรียนให้เก่ง ต้องเอาชนะให้ได้
ชื่อเสียงต้องมีไว้ อย่าให้ใครดูถูก
รสนิยมเราต้องหรู เพราะเรามีการศึกษาที่สูงกว่า
เราต้องเร่งรีบในการประสบความสำเร็จ
และความสำเร็จก็วัดจากเงินที่เรามีในบัญชี

รุ่นพ่อเราเป็นชาวนา รุ่นแม่เราเป็นชาวไร่
แต่รุ่นเราต้องเป็นลูกจ้างในบริษัทห้างร้าน

ทำงานแทบตาย เพื่อส่งเจ้าของกิจการให้รวย
จากนั้นก็ทนท้อ เพราะต้องผ่อนสิ่งของมากมาย
เงินเดือนได้มา แทบไม่พอรองรับรสนิยม
ไหนจะมือถือต้องเปลี่ยนทุกเดือน
ไหนจะคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ ไหนจะกล้องดิจิตอลรุ่นล่า
ไหนจะเครื่องสำอางชุดใหญ่ ไหนจะเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ
ไหนจะค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติของลูก
ไหนจะค่าสปาหรูของเมีย
ไหนจะผ่อนบ้านหลังโตอีกยี่สิบปี
ไหนจะผ่อนรถหรูคันใหญ่
ไหนล่ะ ...“ชีวิตที่แท้จริง ?”
ไหนล่ะ... “ความสุขที่แท้จริง ?”

 

 

 


....................................................

 

 



เธอเข้าไปทำอะไรในนั้น ?
เธอเข้าไปทำอะไรในนั้น ?
....ฉันถามตัวเองย้ำๆ
เขายัดอะไรใส่หัวสมองของฉัน
ฉันถามตัวเองซ้ำๆ...
มหาวิทยาลัย....ให้อะไรเรา.

 

 

 

 

 

ผมนั่งดูภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง

 

เนื้อหาของภาพยนตร์พูดถึงภาวะโลกร้อน
ซึ่งเกิดจากการทำลายมลภาวะของโลกอย่างรุนแรง
และมากมายโดยเหล่าประเทศผู้มีอำนาจทางอุตสาหกรรม
และการผลิต.....ผ่านมุมมอง ข้อมูลทางวิทยาศาตร์
และวีธีการนำเสนอแบบสุดยอดการพูด โดย อัล กอร์
อดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
ในสมัยเดียวกับจอร์จ บุช

เขาพยายามชี้ให้เห็นมหันตภัยที่นับวันจะรุนแรงขึ้น

บ่อยครั้งขึ้น ซึ่งเกิดจากภาวะโลกร้อน เช่น เมื่อโลกร้อนขึ้น
น้ำในมหาสมุทรอุ่นขึ้น ลมพายุที่ก่อตัวจะสามารถทวี
ความรุนแรงได้อย่างมากมาย ...
ข้อมูลที่น่าตระหนกเมื่อน้ำแข็งทั้งในขั้วโลกเหนือ ขั้วโลกใต้ละลาย
และอาจกลืนประเทศฮอลแลนด์ได้ทั้งประเทศ เนื่องจาก
ประเทศนี้อยู่ต่ำที่สุดในโลกเมื่อวัดค่าจากระดับน้ำทะเล
ฯลฯ

ทุกสิ่งเกิดจากการกระทำของประเทศที่เรียกตัวเองว่าประเทศที่เจริญแล้ว
ข้อมูลของกอร์บอกว่า ประเทศที่ทำลายระบบสภาวะแวดล้อมมากที่สุดในโลก
คือ ประเทศของเขาเอง..สหรัฐอเมริกา
รองลงมาคือ จีน ญี่ปุ่น และประเทศพัฒนาแล้วทั้งหลาย

ผมอาจไม่ได้เชื่อในสิ่งที่เขาเสนอไว้ในภาพยนตร์ทั้งหมด
เพราะส่วนหนึ่งเนื้อหาข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม
ก็ถูกนำำเสนอควบคู่ไปกับเนื้อหาด้านการเมืองของอัล กอร์เช่นกัน
ในภาพยนตร์จึงมีการโจมตีคู่แข่งทางการเมืองของเขาเป็นระยะๆ
และนั่นอาจทำให้เขานำเสนอ "ความจริง" ด้านที่อัล กอร์ต้องการให้เรารับรู้เท่านั้น

ใน an inconvenient truth มีหลายประโยคที่ผมชอบ


เช่น

 



ถ้าคุณศรัทธาเรื่องการสวดอ้อนวอน
โปรดสวดอ้อนวอน
ให้มนุษย์กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง

 

 

 


..............................................

 

 



และอีกประโยคหนึ่งที่ผมชอบมาก


"ตอนเรียนมัธยม

มีครูคนหนึ่งสอนภูมิศาสตร์ด้วยรูปแผนที่โลกบนกระดานดำ
เพื่อนผมตอนเรียนประถมหกยกมือขึ้น
แล้วชี้ไปที่ชายฝั่งตะวันออกของอเมริกาใต้
จากนั้นก็ชี้ชายฝั่งตะวันตกของแอฟริกา
แล้วถามว่า "เมื่อก่อนมันต่อกันรึเปล่าครับ ?"
ครูตอบว่า "ไม่มีทาง ถามอะไรไร้สาระที่สุด"
เด็กคนนั้นเลยกลายเป็นขี้ยาเสียผู้เสียคนไปเลย
ส่วนครู...กลายเป็นที่ปรึกษาด้านวิทยาศาตร์ของรัฐบาลชุดนี้"

 

กล่องความคิดเห็น

การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่