บทความทั่วไป

ลูกจ๋า...บ่าเจ้าหนักอึ้ง

กะว่าก๋า

เขียนโดย : กะว่าก๋า

 




สมัยผมเป็นเด็กนักเรียน
ผมไม่เคยเรียนพิเศษ ไม่เคยเรียนกวดวิชาเลยสักครั้งในชีวิต
เพิ่งมารู้ว่าตัวเองเหมือนเด็กผิดปกติ
เพราะหลานๆตัวน้อยเริ่มมาถามว่าสมัยก่อนเรียนหนักแบบนี้หรือเปล่า
ผมก็ตอบไปว่า เปล่า....ไม่เคยเรียนเลย
เท่าที่จำความได้....สมัยประถมผมจัดตัวเองให้อยู่ในหมวดนักเรียนหลังห้อง
เปิดสมุดเรียนขึ้นมาเล่มใด ก็มีแต่รูปวาดไอ้มดแดงวีสาม
กับกันดั้ม หรือไม่ก็โดราเอมอนเต็มไปหมด
เลิกเรียน...วิ่งเล่น กลับบ้าน...กินข้าวเย็น
ทำการบ้าน อาบน้ำ หลับ เช้าตื่นเช้าหน่อย
เดินไปเรียน เรียนกับเล่นเป็นงานหลัก
ไม่เคยรู้สึกว่าการไปโรงเรียนเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสอะไรเลย
ดีที่พ่อแม่ไม่เคยคาดหวังอะไรมาก
ไม่กดดันลูกด้วยการอยากให้ลูกเป็นโน่นเป็นนี่
มีบ้างแค่เปรยๆว่าอยากให้ลูกเป็นหมอสักคน
แต่คำเปรยนี้ก็เลยผ่านไป
เพราะลูกๆไม่มีใครอยากเอาดีเป็นหมอสักคน


 


...................................
 

 



เข้ามัธยม จนเรียนเข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่เคยกดดัน
เรียน เล่น ทำกิจกรรม
เอนทรานซ์ก็ไม่เคย เพราะคิดไว้ตั้งแต่จบม.3แล้ว
ว่าจะไปเรียนวิชาชีพ (ปวช. ปวส.)
จบปวส.ก็ต่อปริญญาตรี
สอบก็ไม่ต้องสอบ

(ขอคุยหน่อยครับว่าผลการเรียนของผมดีพอที่จะได้โควต้าเข้าเรียนโดยไม่ต้องสอบ)


เรียนจบปริญญาตรี ได้ทุนเรียนต่อปริญญาโทของคณะฯ
แต่ไม่เอา...เพราะเบื่อระบบการศึกษาที่เจอมา ไม่ประทับใจ
เลยอยากทำงาน
สรุปแล้ว...ชีวิตนี้ไม่เคยผ่านสถาบันกวดวิชาที่ไหนสักแห่ง
ไม่เคยเรียนพิเศษที่ไหนสักที่


 


...................................
 

 



มานั่งฟังชีวิตของเด็กไทยวันนี้แล้วก็ได้แต่ปลงอนิจจัง
กระเป๋าเด็ก...ผมหิ้วเอง...ยังไหล่เอียง
มันจะบ้าตำราอะไรกันขนาดนี้
เรียนเสร็จ ต้องต่อด้วยการเรียนพิเศษทุกวัน
กลับมาถึงบ้านต้องทำการบ้านต่อ ทั้งแบบฝึกหัดที่โรงเรียนให้
และแบบฝึกหัดจากโรงเรียนกวดวิชา
เสาร์เช้าเรียนเปียโน
อาทิตย์เช้าเรียนว่ายน้ำ
“บ้าหรือเปล่า” .....ผมเคยพูดกับเพื่อนคนหนึ่ง
“จะปั้นลูกให้เป็นอัจฉริยะหรือไง.....”
เอาเปรียบลูก ทรมานเด็กเกินไปหรือเปล่า
ถึงได้บางอ้อว่าทำไมเด็กยุคนี้มันถึงซึมเศร้ากันเหลือเกิน
เพราะพวกผู้ใหญ่อย่างเรา “ยัดเยียด” ความเก่งให้เขา
จนหลงลืมว่าเด็กควรมี “ความสุข” ขณะ “เรียนรู้”
เด็กควรมีเวลาว่างบ้าง เพื่อให้เขาได้เล่น ได้ผ่อนคลาย
เพื่อนได้แต่อ้อมๆแอ้มๆว่า
“เดี๋ยวมีลูกเอง มึงก็รู้”.....


 


..........................................
 

 



ผมได้แต่นึกขอบคุณที่พ่อซึ่งจบเพียงชั้นประถม 4 ของผม
ไม่เคยขู่เข็ญผมให้ต้องเรียน ต้องเก่ง ต้องเป็นอัจฉริยะ
เพียงเพื่อเป็นหน้าเป็นตาของวงศ์ตระกูล
อย่างน้อยพ่อก็ไม่เคยคาดหวังว่าลูกจะต้องเป็นคนเก่ง
แต่ขอให้เป็นคนดี เลี้ยงตัวเองรอด
และมีความสุขในชีวิตตามอัตภาพ

ไม่อยากนึกถึงสภาพของตัวเอง
หากผมต้องแบกหนังสือไปเรียนจนไหล่เอียงแบบเด็กวันนี้
ป่านนี้ผมคงเป็นแค่ชายหนุ่มผู้ห่อเหี่ยวในชีวิตของตัวเอง
และถ้าผมต้องเรียนๆๆๆๆๆๆ แข่งขันอย่างคลั่งบ้าแบบเด็กทุกวันนี้
ผมคงหารอยยิ้มมายิ้มให้กับตัวเองได้น้อยครั้งเต็มที.








กล่องความคิดเห็น

การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่