แววตาคู่นั้น
เขียนโดย : กะว่าก๋า
เธอกำลังจากไปด้วยโรคร้ายที่สุมรุมเต็มร่างกาย
ผมนั่งเงียบๆอยู่ข้างกาย
แววตาคู่นั้นจ้องมองผ่านม่านความเงียบ
พร้อมรื้นน้ำตาที่เอ่อท้น
...........................
เธอเป็นคนที่ยิ่งใหญ่
มีอำนาจและชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศ
ในระดับจังหวัด...
สามารถต่อสายตรงถึงผู้ว่าราชการได้เลยโดยไม่ต้องผ่านเลขาหน้าห้อง
ส่วนผมแค่เด็กเมื่อวานซืน
ครั้งมีโอกาสได้ทำงานร่วมกัน ผมแทบรองรับอารมณ์เกรี้ยวกราด
เอาแต่ใจของแกไม่ไหว
ถ้าต้องการอะไร ต้องได้เดี๋ยวนี้....
ผมไม่ใช่ม้าเชื่องๆให้ใครมาลากจูงนี่หว่า
ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องกระทบกระเทียบกันบ่อยครั้ง
และด้วยความเป็นเด็ก....ผมผิดเสมอในสายตาผู้ใหญ่
ครั้งที่แรงที่สุด…
ผมดื้อเงียบ แกสั่ง...แล้วผมไม่ทำตาม
แกโทรกลับมาด่าที่ร้าน ผมยกโทรศัพท์แล้วพูด
“ครับ..ครับ...ครับ”
ไม่ว่าแกจะพูดอะไรออกมา ผมก็แค่..
“ครับ...ครับ...ครับ”
สุดท้ายแกวางสายโครม....ผมยิ้มอย่างสะใจ
เรื่องราวบานปลายใหญ่โต
พ่อผมต้องมาขอโทษแกเพราะมีผลทางธุรกิจ
อย่าถามว่าผมรู้สึกเสียใจหรือไม่
จนถึงวันที่แกตาย
ผมก็ไม่เคยเอื้อนเอ่ยคำว่า “ขอโทษครับ” สำหรับเหตุการณ์นี้
....................................
หลายปีผ่านไป…
การได้เรียนรู้การทำงานด้วยกันอย่างใกล้ชิด
กลับทำให้ผมมีภูมิต้านทานบางอย่างในการทำงานกับมนุษย์
เข้าใจอารมณ์มนุษย์ขี้เหม็นมากขึ้น
ผมใจเย็นลงอย่างน่าประหลาด
และยิ่งผมนิ่งมากขึ้นเท่าไหร่ แกยิ่งเปิดใจกับผมมากเท่านั้น
เพราะเมื่อเทียบกับผู้ร่วมงานทุกคนของแก
ซึ่งล้วนเข้ามาทำงานร่วมกันเพื่อ “ชื่อเสียงและผลประโยชน์” เท่านั้น
มีแต่ผมที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับใคร
สั่งอะไรมา สิ่งใดที่ผมพอมีความสามารถที่จะทำได้
ผมไม่เคยปฏิเสธเลย
ผิดกับหลายคนที่ถ้าไม่มี “ผลประโยชน์” ไม่มีวันทำ
นอกจากไม่เป็นฝ่ายให้แล้ว หลายคนยังฉกฉวยเอาอย่างไร้ยางอาย
......................................
ตำแหน่งสูงสุดทางด้านธุรกิจฯของจังหวัด
ทำให้เกิดการเปลี่ยนถ่ายขั้วอำนาจ
หลายคนอยากโค่นอำนาจที่แกครอบครองอยู่
ผมอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง
และเห็นความละโมบโลภหวังอย่างถึงขีดสุด
ของคนที่เรียกว่า “เพื่อนร่วมงาน”
“เพื่อน” ที่เคยไว้ใจ กลับเลื่อยขาเก้าอี้ของแก
เพื่อหวังสวมแทนในตำแหน่งใหญ่ที่เอื้อทั้งอำนาจ เงิน และชื่อเสียงเกียรติยศ
………………………………..
“น้องจำไว้นะ คนพวกนี้ไว้ใจไม่ได้”
น้ำเสียงแหบเครือของแกเอื้อนเอ่ยกับผม ในวันที่ผมไปเยี่ยมที่บ้าน
น้อยคนมากที่จะแวะมาเยี่ยมเยือน
นับจากวันที่แกต้องลงจากตำแหน่งซึ่งครอบครองมาอย่างยาวนานหลายสมัยโดยไร้คู่แข่ง
เป็นการเดินลงจากบัลลังก์อย่างไม่สวยงามนัก
โดนหักหลัง โดนกลั่นแกล้ง
และแน่นอน.......
เป็นการลงจากหลังเสือด้วยสภาพที่บอบช้ำปางตาย
ความถดถอยของชีวิต…
.เป็นการเปิดช่องให้คนที่มีรอยแผลในใจกับแก ได้เวลาคิดบัญชีแค้น
(สมัยเรืองอำนาจ แกก็ฟาดงวงฟาดงาใส่คนอื่นมาไม่น้อย)
หลังลงจากตำแหน่งไม่ถึงสองเดือน แกป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล
จากหญิงสาวที่หนักเกือบหกสิบกิโล
กลายเป็นคนแก่ร่างงุ้มงอผอมแกนด้วยโรคร้ายที่รักษาให้หายได้ยากมาก
ยิ่งป่วย ยิ่งผอม ร่างกายยิ่งทรุดโทรม
บวกด้วยจิตใจที่ซึมเศร้าห่อเหี่ยวจากน้ำมือคนใกล้ชิด
อาการป่วยยิ่งลุกลามกว้างขวาง
ผมไปเยี่ยมสองสามครั้งก่อนที่แกจะเสียชีวิต
ทุกครั้ง....ผมเลือกนั่งเงียบๆ
พูดให้กำลังใจด้วยถ้อยคำสั้นๆว่า
“เดี๋ยวก็หายครับ”
“พี่แข็งแกร่งอยู่แล้ว สู้ได้สบายมาก”
แต่ใจคนที่ว่าแข็งแกร่งย่อมมีช่วงอันเวลาอ่อนแอ
เปิดช่องให้โรคร้ายได้รุกรานโจมตี
……………………………….
ผู้คนที่เคยแวดล้อมพากันหายหน้าหายตาไปจนหมดสิ้น
เมื่อวันที่ไร้ผลประโยชน์ให้รุมทึ้งกัดกิน....
เรื่องราวที่ตามมาย่อมสร้างความสะเทือนใจใหญ่หลวง
วันที่คนที่เคยมีอำนาจ ต้องสูญเสียอำนาจที่ตัวเองมีทั้งหมด
ย่อมเป็นวันที่โดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาอย่างถึงที่สุด
.................................
“พี่ครับ ป้า...เค้าเสียแล้วครับ”
ค่ำนั้น หลานชายของแกโทรศัพท์แจ้งข่าวให้ผมทราบ
ผมนิ่งเงียบคนเดียวในห้อง…
คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่แกประกาศให้ทุกคนทราบว่าแกเกลียดผม
จนถึงวันสุดท้ายของชีวิตที่แกสั่งเสียไว้ว่า
หากแกตาย ให้หลานชายโทรบอกผม กับคนในครอบครัวอีกสองคนเท่านั้น
สั่งไว้ด้วยซ้ำว่าไม่ให้เชิญใครมาในงานศพของแกบ้าง
คนที่เคยพะเน้าพะนอ ยกยอปอปั้นในวันที่แกเรืองอำนาจ
ใช่...เป็นคนกลุ่มเดียวกันกับที่หักหลัง เพื่อโค่นอำนาจของแก
และเหยียบแกจนจมลงดินด้วยความคลั่งแค้นสะใจ
................................
แกจากไปหลายปี....
และผมไม่เคยลืมบทเรียนชีวิตที่แกสอนให้เป็นครั้งสุดท้าย
เป็นบทเรียนที่ขีดเขียนด้วยชีวิต
ชีวิตที่เคยยิ่งใหญ่
ชีวิตในวันที่ไม่มีใครอยู่เคียงข้าง
ชีวิตในวันที่หัวใจเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด
ชีวิตในวันที่ใครก็เพิกเฉยลืมเลือน
ผมกลับได้มีโอกาสอยู่ใกล้ๆ
ได้นั่งคุยกันผ่านม่านความเงียบ
และผมไม่เคยลบเลือนแววตาที่เจ็บปวดคู่นั้น
หลังแกเสีย
ผมลาออกจากสมาคมฯ
ลาออกจากตำแหน่งแห่งหนทางสังคมทุกอย่าง
ไม่ต้องให้ใครถาม
ไม่ต้องรอใครบอก
ชีวิตของแกเป็นบทเรียนที่ดีที่สุดในชีวิตของผมอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างน้อยที่สุด...
ณ วันนี้ ผมก็รู้แล้วว่าผมต้องใช้ชีวิตอย่างไร
ทั้งวันที่ขึ้นขี่อยู่บนอำนาจ
และวันที่ต้องเดินลงมาจากมัน
โดยไม่ต้องให้ใครมาเหยียบย่ำซ้ำเติมชีวิตของเรา.
กล่องความคิดเห็น
การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่