บทความทั่วไป

ยิ่งหา...ยิ่งหาย

กะว่าก๋า

เขียนโดย : กะว่าก๋า


 

 


ฉันเฝ้าเพียรหาหนทางแห่ง “การตรัสรู้”
ตรัสรู้ คือ ความรู้แจ้ง
รู้แจ้งในสิ่งใด ?
บางคนว่า “รู้แจ้งในทุกสิ่ง”
ทุกสิ่ง คือ สิ่งใด ?
คือ ความรู้ทั้งหมดที่มีในโลกนี้


ด้วยคำตอบนี้
ฉันจึงเพียรแสวงหาคำตอบในทุกคำถาม
และออกเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ
ที่ฉันคิดว่าจะทำให้ฉันได้ค้นพบ “ตัวตนที่แท้จริง” ของตัวเอง


 


.................................
 



เมื่อฉันอ่านหนังสือได้สามพันเล่ม
เขาเรียกฉันว่า “บัณฑิต” หรือ “ผู้รู้”
เมื่อฉันรอบรู้ในวิทยาการชั้นสูง

เขาเรียกฉันว่า “ปราชญ์” หรือ “ผู้รอบรู้”



แต่ผู้รอบรู้ก็ไม่อาจรู้ได้ในทุกสิ่งทุกอย่าง
เมื่อถูกเด็กไร้เดียงสาตัวน้อยถามว่า

“ทำไมมือเราถึงต้องมี 5 นิ้ว”

“พระอาทิตย์เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ?
และทำไมแสงอาทิตย์ถึงร้อน เปลี่ยนเป็นแสงเย็นชุ่มชื่นมิได้หรือ ?”

“โลกจะอยู่อีกกี่ปี และจะดับไปในอีกกี่ปีข้างหน้า”

ฯลฯ

บางคำถามในโลกนี้....
จึงมิได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้มนุษย์ผู้มีช่วงชีวิตสั้นๆเป็นผู้ตอบ

เราแค่มาทำหน้าที่เป็นตัวแทนของฟ้าดิน
ทำหน้าที่คิด พูด และทำ แทนธรรมชาติที่เป็นผู้สร้าง
แต่ไม่อาจพูดได้


........................................

 



ในเล่ห์เหลี่ยมของคนมีร้อยแปดพันประการ
วันนี้ใช้เล่ห์เหลี่ยมนี้
วันพรุ่งนี้เปลี่ยนรูปแบบการเอารัดเอาเปรียบ
ถามว่าตำราที่มีร้อยล้านพันล้านเล่ม

บอกสอนเราให้หยั่งลึกและรู้ทันความดีความเลวในจิตใจคนได้ไหม ?

แม้กระทั่งความดีงามที่เรายึดถือในวันนี้
ใครจะไปรู้ว่าในอีกร้อยปี พันปีข้างหน้า
“ความดีงาม” อาจแปรเปลี่ยนเป็น “ความเสื่อมทราม” ได้

ด้วยเหตุปัจจัยและสภาพแวดล้อมทางสังคมที่เปลี่ยนไป

 


..........................................

 


ยิ่งหา...ยิ่งหาย....ยิ่งหาไม่พบ


ยิ่งออกเดินทาง..ยิ่งไกลห่างจากเป้าหมายและความวาดหวัง

ฉันเพียรค้นหาหนทางแห่งการตรัสรู้
แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ
แสวงหาเท่าไหร่ พบเพียงหนทางตัน


ฉันจึง “หยุด”
หยุดการเดินทาง
หยุดการค้นหา
หยุดการเพิ่มพูนความอยากรู้อยากเห็น

กลับพลันได้พบ....


 

 


……………………………………………………..

 



“ร้อยรู้ มิสู้ปล่อยวาง”

ปล่อยวางสิ่งใด ?

ปล่อยวางสิ่งที่รู้

รู้ในสิ่งใด ?

รู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว เราเป็นเพียงสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นโดยธรรมชาติ
เราล้วนต้องอยู่ภายใต้กฎแห่งการเกิด แก่ เจ็บ ตาย สูญเสีย

และพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักอยู่ตลอดเวลา


ชีวิต คือ ความเสื่อม....
เสื่อมอยู่ตลอดเวลา
เราตายในทุกขณะจิต
และเรากลับมากำเนิดใหม่ในทุกขณะจิต


แต่เราไปคิดว่าเพราะเรารู้ เราฉลาด เราเก่ง
เราดี เราเลิศ เรามียศ มีตำแหน่ง
มีเงินทอง มีคนยกย่องสรรเสริญ
เราคิดว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้ คือ ความเที่ยง
เราพยายามกอดรัดสิ่งต่างๆเหล่านี้เอาไว้
พยายามรั้งมันไว้ให้อยู่กับตัวเราให้นานที่สุด
เราคิดว่าความไม่เที่ยงเหล่านี้คือ “ความสุข”
แล้ว “ความสุขจอมปลอม” ก็แว้งกัดเข้าลำคอของเรา
กระชากเราเข้าสู่วังวนแห่งทุกข์และการเวียนว่ายตายเกิดไม่จบสิ้น


 


.....................................

 



ยิ่งไม่แสวงหา
ยิ่งค้นพบ

ยิ่งหยุดเดินทาง
ยิ่งไปถึง


 


....................................
 

 



โลกนี้มี 2 โลกซ้อนทับกันอยู่
คือ โลกแห่งความเสื่อม หรือ โลกธรรม
และโลกแห่งความเป็นอมตะ หรือ โลกุตรธรรม

โลกซ้อนทับแต่เป็นหนึ่งเดียว
หยุดค้นหา แล้วจะค้นพบ
หยุดการเดินทาง แล้วจึงได้พบหนทาง

หนทางที่แท้....
อันสถิตย์อยู่ใน “ตัวเรา” ทุกคน.










กล่องความคิดเห็น

การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่