จดหมายถึงตัวเอง ฉบับที่ 3
เขียนโดย : กะว่าก๋า
สวัสดีครับคุณก๋า
ผมนั่งเขียนจดหมายถึงคุณในตอนเช้าที่แดดเปรี้ยงมาก
แต่อากาศที่เชียงใหม่ตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก
เช้าแดดจัด สายๆร้อนจัด เย็นมาฟ้าครึ้ม
แล้วฝนก็ตกตอนกลางคืน
คุณชอบหน้าฝนมั้ย ?
ผมเดาว่าคุณคงไม่ชอบเท่าไหร่ เพราะปีสองปีหลัง
เชียงใหม่ฝนตกหนักๆทีไร น้ำท่วมทุกที
ใครๆก็ว่าอากาศมันวิปริต
แต่ผมว่าไอ้ที่วิปริตน่ะ---“มนุษย์” มากกว่า
.................................
คุณยังจำเมื่อ 16 ปีก่อนได้มั้ย
ตอนที่ครอบครัวของคุณก๋าย้ายมาอยู่เชียงใหม่
ตอนนั้นเชียงใหม่ยังเป็นเมืองใหญ่ที่เงียบสงบ
สามทุ่มนี่ยังกับเมืองร้าง ผมยังจำได้ ในซอยที่คุณอยู่
สามทุ่มคุณออกมานอนเล่นบนถนนหน้าบ้าน
ไม่มีรถสักคันวิ่งผ่าน อากาศดี รถก็น้อย
เมื่อก่อนเชียงใหม่เวลาหน้าหนาวจะหนาวมาก
จนรู้สึกเหมือนความหนาวมันชำแรกไปทุกอณูเนื้อ
เดี๋ยวนี้หน้าหนาวยังไง ก็หนาวอยู่แป๊บเดียว
เมื่อก่อนผมจำได้สมัยคุณเรียนมัธยมเปรี้ยวอมหวาน
คุณชอบเดินจากบ้านมาร้านหนังสือเก่า
เพื่อซื้อหนังสืออ่าน ซื้อจนเจ้าของร้านถามว่า
“ไอ้หนู...ลื้อซื้อไปขายหรือ?”
ก็เด็กสมัยนั้นเค้าอ่านสามเกลอ พล นิกร กิมหงวนกันซะที่ไหน
ผมเห็นมีแต่คุณที่ผ่าเหล่าผ่ากอ อ่านมันซะทุกเล่ม
ทุกวันนี้สามเกลอกองเต็มบ้าน เจ้าของร้านเค้าเคยบอกว่า
สามเกลอที่คุณมี ยังครบทุกเล่มกว่าที่ร้านขายมีซะอีก หึหึหึ
นึกแล้วก็ขำ...ซื้อเสร็จคุณต้องเอาเหน็บไว้ข้างหลัง
เอาเสื้อออกนอกกางเกง แล้วเดินตัวลีบหลังตรงเข้าบ้าน
แม่ไม่ชอบให้คุณซื้อหนังสือเพราะมันรกบ้าน
แต่คุณก๋าก็ใช้วิธีแบบสงครามกองโจร
ค่อยๆแอบซื้ออาทิตย์ละสามเล่ม เหน็บไว้ข้างหลัง แล้วก้มหน้าเดินงุดๆเข้าห้อง
ผมว่าทั้งแม่และพ่อก็รู้แหละ แต่คงไม่ได้ว่าอะไรดีกว่าลูกไปเกเรอย่างอื่น
คุณอ่านสามเกลออย่างมีความสุขมากเลยนะ
ผมเห็นคุณหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่คนเดียวในห้องเสมอ
อ่านแล้วอ่านอีก อ่านอีกอ่านซ้ำ เล่มนึงอ่านซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ
ป.อินทรปาลิตคนแต่งคงดีใจ ถ้าได้รู้ว่าคุณรักในการอ่านสามเกลอมากมายขนาดไหน
…………………………..
16 ปี ผ่านไปเร็วมากเลย
ตอนนี้คุณไม่ได้เดินไปซื้อหนังสือที่ร้านเก่าในตลาดอีกแล้ว
คุณก๋ามีร้านประจำเป็นบุ๊คสโตร์ขนาดใหญ่ 3-4 เจ้า
คุณซื้อหนังสือเดือนละหลายสิบเล่ม
หลายเล่ม...แม้จะเป็นหนังสือที่คุณชอบ
แต่คุณก็อ่านได้รอบเดียวแล้วเก็บเข้าชั้นหนังสือในสภาพใหม่เอี่ยม
ตอนนี้หนังสือที่คุณซื้อมา
ยังรอให้คุณหยิบมาอ่านไม่ต่ำกว่า 200 เล่ม
(ถ้ารวมการ์ตูนเข้าไปด้วยคงเกิน 500 เล่ม)
มึง...เอ๊ย...คุณจะต้องใช้เวลาอีกกี่ปีว่ะเนี่ย
กว่าจะอ่านหนังสือที่มีหมด
ผมว่าคงยาก เพราะคุณบ้ามาก เดินผ่านร้านหนังสือไม่ได้เลย
ต้องแวะเข้าไปซื้อ ไม่ได้ซื้อเข้าไปดมกลิ่นหนังสือก็ยังดี
ผมว่าคุณเข้าขั้นโรคจิตแล้วล่ะ 55555
คุณก๋าไม่ต้องมาอ้างหรอกว่าที่ซื้อเพราะหนังสือดีดีบางเล่ม
จะหายไปจากแผงหรือชั้นหนังสืออย่างรวดเร็ว
แล้วไม่กลับมาอีกเลย ก็ถูกของคุณ....แต่คุณซื้อเยอะว่ะ
ผมเหนื่อยนะ ที่บางเดือนต้องมานั่งอ่านหนังสือกับมึง...เอ๊ย...คุณ
(ขออภัยเวลาผมปี๊ดแตกมักจะไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่ อิอิอิ)
เล่นอ่านวันนึง 5- 6 เล่ม บ้าอ๊ะเปล่า ?
ไม่รู้หรือไงว่าสมองประมวลผลต้องทำงานหนักขนาดไหน
กับวิธีอ่านแบบเป็นบ้าเป็นหลังแบบนี้น่ะ
...................................
16 ปีผ่านไป
ถนนในเชียงใหม่เกิดขึ้นมากมาย
หมู่บ้านจัดสรรผุดขึ้นมายิ่งกว่าเชื้อราในห้องน้ำ
สิ่งที่เรียกว่าความเจริญพ่วงพามากับปัญหาที่ซับซ้อนและใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ
ปัญหายาเสพติด รถติด อากาศเสีย น้ำท่วม ปัญหาขยะ
คนเร่งรีบในชีวิต ชีวิตถูกครอบงำด้วยสื่อ สื่อตอกย้ำให้เราบริโภค
บริโภคอย่างล้นเกิน
ซื้อมันทุกอย่างทั้งที่จำเป็นและไม่จำเป็น
เรามีถนนสีเทาเยอะขึ้น
ต้นไม้น้อยลง (ไม่กี่วันก่อนแถวบ้านคุณก็เพิ่งโค่นต้นไม่ใหญ่สองข้างถนนมากมาย
คุณสะอื้นในอกเงียบๆ...ผมรู้)
ถนนใหญ่ขึ้น รถวิ่งเร็วขึ้น คนตายด้วยอุบัติเหตุเยอะขึ้น
แล้วที่ผมรู้...
วันนี้คุณไม่ได้เดินเที่ยวในเมืองเหมือนในวันก่อนอีกแล้ว
คุณก๋าไม่ได้เดินเป็นหลายกิโลเพื่อไปซื้อหนังสือ
แล้วแอบซุกไว้ด้านหลังเอาเสื้อปิด เพื่อหลบแม่เหมือนวันก่อนอีกแล้ว
(แต่ทั้งพ่อและแม่ยังบ่นอยู่เหมือนเดิมว่าซื้อมาทำไมเยอะแยะ)
เชียงใหม่น่าอยู่ไหม ?
เชียงใหม่เปลี่ยนไป....ใช่....เปลี่ยนไปมาก
แต่ถามว่าผู้หญิงที่คุณเคยรัก
วันนึงเธอเหี่ยวย่นไปตามวันเวลา
คำถามคือ คุณไม่จำเป็นต้องหาคำตอบว่าคุณรักเธอมากขึ้น
เท่าเดิม หรือน้อยลง
คำตอบมีคำตอบเดียว คือ คุณรักเธอไปแล้ว
และจะรัก ตลอดไป
มีใจครับ
ผมเอง---ส่วนหนึ่งในตัวคุณ
*** เป็นบล็อกที่เคยเขียนเอาไว้เมื่อ 6 ปีที่แล้วครับ
(ประมาณปี 2550)
กล่องความคิดเห็น
การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่