บทความทั่วไป

จดหมายถึงตัวเอง ฉบับที่ 8

กะว่าก๋า

เขียนโดย : กะว่าก๋า

 

 




สวัสดีครับคุณก๋า


คุณก๋า...คุณเคยคุยกับผมเรื่อง “ความฝัน”
ผมยังจำได้ที่คุณบอกว่าระหว่าง “ความฝันบิ่น”
กับ “ความจริงอันปวดร้าว”

คุณไม่แน่ใจว่าถ้าต้องเลือก
คุณจะเลือกคำตอบใดจากหนึ่งในสองคำตอบนี้



 



.......................................
 

 



เคยมีคนถามคุณก๋าว่าคุณฝันอยากเป็นอะไร ?
คุณตอบคำถามนี้ทุกครั้งเหมือนๆเดิมว่า คุณอยากเป็นครู
แต่ผมไม่แน่ใจว่าหากวันนั้นคุณได้เป็นครูขึ้นมาจริงๆ
วันนี้...คุณยังจะมีความสุขในวิชาชีพนี้จริงๆหรือเปล่า...


 

 


.......................................

 

 


9 ปีที่แล้วคุณหอบหิ้วกีต้าร์ลงไปกรุงเทพฯ
เพื่อประกวดร้องเพลง
ผมว่าคุณดูไม่ตื่นเต้นเลยนะ
ทั้งๆที่คุณเป็น 1 ใน 10 คนสุดท้ายที่ได้ผ่านเข้ารอบ

วันนั้นคุณนั่งรถทัวร์ไปลงกรุงเทพฯตอนตี 5
แล้วนั่งรถแท็กซี่ไปที่ค่ายเพลงชื่อดัง
9 คนที่เข้าประกวดกับคุณดูเป็นมืออาชีพมาก
มาถึงก็งัดกีตาร์ราคาแพงมาโชว์ข่มขวัญกันใหญ่

ผมขำคุณไม่หายว่ะ
ในขณะที่เขาซ้อมๆๆๆๆ โชว์กันสนั่นหวั่นไหว
คุณนั่งลงแล้วคุยกับเพื่อนที่ไปส่งคุณ
จนเพื่อนถามว่า “มึงไม่ซ้อมเหรอ”
คุณตอบว่า “กูไม่รู้จะซ้อมอะไร ?” 5555

ก็คุณจะได้ซ้อมอะไร...
เมื่อวานทั้งวันคุณยังนั่งเกณฑ์ทหารจนถึงทุ่ม
กลับมาบ้านอาบน้ำเสร็จซื้อตั๋วรถทัวร์นั่งจากเชียงใหม่มากรุงเทพทันที

ถึงเวลาประกวดจริง
ทุกคนพยายามเล่นให้เหมือนต้นฉบับมากที่สุด
วันนั้นคุณเป็นคนเดียวที่เล่นไม่เหมือนต้นฉบับเลย
ทั้งร้องและเล่นกีตาร์

แน่นอน....วันนั้นคุณไม่ใช่ผู้ชนะ
แต่ผมรู้สึกว่าคุณมีความสุข
รู้ว่าคุณแอบเห็นคะแนนในมือกรรมการว่า
คะแนนการร้องเพลงของคุณได้คะแนนสูงสุด....


 


.....................................
 

 



เมื่อเรียนจบ ความฝันแรกคือการได้ทำงานเป็นสถาปนิก
คุณก๋า...คุณจบมาแล้วได้งานทำเลย
แต่ผมขำที่คุณได้เป็นสถาปนิกแค่สองเดือนเอง
อุตส่าห์เรียนมาแทบตายตั้งหลายปี
เป็นสถาปนิกสองเดือน แล้วต้องแปลงร่างเป็นพ่อค้า

ถึงคุณไม่พูด...ผมพอรู้ว่าคุณอึดอัดใจแค่ไหน
ที่ต้องมายืนอยู่ในสนามชีวิตที่ตัวเองไม่ได้เลือก
ความฝันบิ่นยังไม่พอ
ความจริงยังสร้างความเจ็บปวดให้กับความรู้สึกอีก

ผมจำได้ดี 2 ปีแรกของการทำงานกับครอบครัว
คุณโคตรไม่มีความสุข เบื่อ หน่าย
เจอแต่คนที่คุณไม่อยากเจอ ทำแต่งานที่คุณไม่อยากทำ
ผมรู้ --- คุณทนอยู่ เพราะคำว่า “หน้าที่ของลูกที่ดี” แค่คำเดียว


แต่น่าแปลกที่พอคุณอดทน และเริ่มชินชากับมัน
เหมือนคุณมีภูมิต้านทานที่จะรับมือกับความกดดัน
รับมือกับความน่าเบื่อหน่ายทั้งหลายทั้งปวง
ที่เกิดขึ้นจากคนที่เข้ามาติดต่อด้วยไม่ว่าจะเป็นเจ้าของบริษัทต่างๆ
พนักงานของคุณ หรือแม้แต่จากลูกค้าที่เต็มไปด้วยสารพัดอารมณ์

กลุ่มคนที่เคยสร้างความเซ็งอารมณ์ให้กับคุณอย่างมากมาย
กลับเป็นกลุ่มคนที่สอนและมอบบทเรียนในการใช้ชีวิตให้กับคุณ
เป็น “มหาวิทยาลัยชีวิต” ที่คุณต้องสอบผ่านให้ได้ด้วยตัวของคุณเองเท่านั้น
ใครก็ไม่อาจช่วยเหลือคุณได้


 

 


.......................................
 

 



วันนี้ผมไม่เห็นคุณฟูมฟาย
หรือพูดถึงความฝันในวันก่อนเก่าของคุณแล้ว
คุณดูผ่อนคลายกับตัวเอง
เปลี่ยนวิธีคิดไปมากจนผมเองยังแปลกใจ

คุณพูดถึงความสุขบ่อยๆ
และพยายามทำตามที่พูด

คนรอบข้างรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวคุณ

 

 


....................................
 

 




ณ วันนี้...
คุณไม่ได้คิดถึงความฝันบิ่นๆเหล่านั้นแล้ว
วันก่อนคุณนั่งเล่นกีต้าร์และร้องเพลงให้ภรรยาฟังอย่างมีความสุข
คุณมีเพื่อนอยู่กลุ่มเล็กๆ ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณร้องเพลง
คนเหล่านั้นจะตั้งใจฟังและมีความสุขไปกับเสียงเพลงที่คุณร้อง

บางที....
คำตอบคงไม่ได้อยู่ที่เราเป็นอะไรได้ ?
แต่อาจอยู่ที่เราจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เรามีอยู่ได้มากกว่า
และเมื่อเรารู้ ว่าอะไรคือสิ่งที่เราต้องการอย่างแท้จริง
“ความสุข” ที่เราพยายามตามหา
แท้จริงอาจไม่ได้อยู่ไกลจนเกินเอื้อมเลย
หากแต่วางอยู่ตรงหน้าของเรานั่นเอง

 

 



เข้าใจ

ผมเอง (ส่วนหนึ่งในตัวคุณ)















กล่องความคิดเห็น

การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่