ก๋าราณีคำถามจากน้องเสี้ยว....
บางทีจุดประสงค์มันเปลี่ยนเพราะบริบทมันเปลี่ยนไป
บางทีจุดประสงค์มันก็เปลี่ยนตามสถานการณ์ได้
ไอ้ที่สำคัญจริงๆน่ะ น่าจะอยู่ที่ความมุ่งหมาย หรือไม่ก็ความตั้งใจ
หรือจิตใจที่มันจะดีหรือไม่ดีมากกว่า
หรือคุณก๋าคิดว่าไงคะ
คำถามโดย : gluhp
*************************
ครั้งหนึ่ง.....
ศิษย์วัดสองคนทะเลาะกันอย่างหน้าดำคร่ำเคร่ง
ตรงหน้าวัดมีธงผืนหนึ่งกำลังโบกไสวอยู่
“ข้าว่าธงมันไหวเพราะมีลมพัด” ศิษย์คนแรกกล่าว
“แต่ข้าว่าไม่ใช่” อีกคนแย้งสวนขึ้นทันที
“เป็นธงต่างหากที่ไหว...ไม่ใช่เพราะลม”
ทั้งสองทุ่มเถียงกันมากมาย
ระหว่าง “ลมไหว” และ “ธงไหว”
จนพระอาจารย์เดินผ่านมา
แล้วเข้าไปสอบถามเรื่องราวที่ศิษย์ทั้งสองทะเลาะกัน
ก่อนสรุปว่า….
“ไม่ใช่ทั้งธง และไม่ใช่ทั้งลม ที่ไหว...
หากแต่เป็น “ใจ” ของเจ้าทั้งสองนั่นต่างหากที่ไหว”
.................................
บ่อยครั้งเราใช้ชีวิตไปตามเงื่อนไขของสิ่งแวดล้อม
เคยไหมครับ... คิดไว้ว่าเย็นนี้จะไปออกกำลังกาย
แต่ก่อนเลิกงานแค่ห้านาที
ภรรยาโทรมาเพื่อชวนไปดูหนัง
วางสายจากภรรยา....ที่บ้านโทรมาบอกว่าให้ไปเยี่ยมญาติซึ่งกำลังป่วยหนัก
จุดประสงค์ที่เราตั้งไว้ก็เบี่ยงไปจากความตั้งใจ
“บริบท” ก็คือ เรื่องราวยิบย่อยในแต่ละวันที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
เราต้องตัดสินใจในทุกขณะ
เขาถึงว่า “สติ” เป็นสิ่งสำคัญ
เพราะเราต้องรับผิดชอบในการ “ตัดสินใจ” ในแทบทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาในความคิด
ตั้งแต่เรื่องอย่างจะใช้ยาสีฟันยี่ห้ออะไรดี
จะเติมน้ำมัน 91 หรือใช้ก๊าซโซฮอลล์
วันนี้จะไปกับกิ๊กหรือจะอยู่กับแฟน
สีผมใหม่จะย้อมสีอะไร
ไปจนถึงเรื่องใหญ่ระดับชาติแบบ
จะปฏิวัติรัฐประหารอีกครั้งไหม
หรือจะจัดตั้งรัฐบาลได้ยังไงให้มีเสถียรภาพมากที่สุด
ทุกการตัดสินใจล้วนแต่ต้องกำกับด้วย “สติ”
คิดหน้าคิดหลัง
คิดอย่างรอบด้านเพื่อให้ได้ “คำตอบที่ดีที่สุด”
สำหรับตัวเองและคนรอบข้าง
...............................
ในหลายเรื่องของชีวิต
ผมไม่ได้มองมันว่าเป็น “จุดประสงค์” ที่ทำให้เรามุ่งเดินไปสู่ “เป้าหมาย” อย่างเดียวครับ
ผมสนใจสองข้างทางขณะที่นำเราไปสู่ “จุดประสงค์” หรือเป้าหมายที่เราหยุดอยู่ด้วยความพึงพอใจ
ไปภูชี้ฟ้า ผมไม่ได้ก้มหน้าก้มตาเดินพุ่งดิ่งไปที่ผาตั้ง
แต่ขอดูสีหน้าเหน็ดเหนื่อยของเพื่อนร่วมทริป
ขอนั่งพักดูดอกหญ้าข้างทางบ้าง
ขอนั่งฟังเสียงหอบหายใจเหนื่อยของตัวเองบ้าง
สักพักพอถึง “เป้าหมาย” เราค่อยหยุดชื่นชมมันอย่างเต็มที่
..................................
มันมีอะไรมากมายที่ทำให้เราเฉไฉออกไปจาก “จุดประสงค์” ที่มุ่งหวังไว้
ตัวผมเมื่อ 11 ปีที่แล้ว เคยตั้งเป้าหมายไว้ว่าเมื่อเรียนจบ
จะทำงาน 2 ปีแล้วเป็นครู เป็นครูสัก 2 ปี
แล้วไปเรียนต่อปริญญาโท
แต่ 11 ปีที่แล้ว
ผมต้องกลายเป็นพ่อค้าขายเครื่องหนัง
เพราะเป็นกิจการของที่บ้านครับ
3 ปีแรกไม่มีความสุขในชีวิตเลย
ปีหลังๆต่อมาถึงได้เริ่มเรียนรู้และยอมรับความจริงว่า
ไม่ใช่ “เป้าหมาย” นั้นหรอกที่ทำให้เราไม่มีความสุข
แต่เป็นวิธีคิดและวิธีใช้ชีวิตของเราต่างหาก
ที่ทำให้เราไม่มีความสุข
..........................................
คราวนี้…..
หากมีใครถามว่า “ธงไหว” หรือ “ลมไหว”
ผมจะได้บอกเขาสักที.....
ว่าคำตอบนี้คืออะไร
กล่องความคิดเห็น
การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่