บทความทั่วไป

กะก๋าแนะนำหนังสือ : สู่ความตายอย่างสงบ

กะว่าก๋า

 

 

 

สู่ความตายอย่างสงบ



โดย   :  ชักดุด ตุลกู รินโปเช
แปลโดย   :   บุลยา








นี่คือหนังสือที่เรียบเรียงเรื่องราวซึ่งเกี่ยวข้องกับความตาย
นำเสนอได้อย่างตรงไปตรงมา ชัดเจน แจ่มแจ้ง

ธรรมบรรยายสายมหายาน โดยนักบวชชาวธิเบต
กำลังเป็นที่นิยมมากในชาติตะวันตก ไม่น่าแปลกใจที่คนจะนิยม
เพราะเป็นธรรมะที่พูดถึงหลักการของธรรมชาติให้เข้าใจได้ง่าย

หลักปฏิบัติธรรมที่เป็นวิทยาศาสตร์ ตัดพิธีกรรมอันเยิ่นเย้อ
ลบล้างเรื่องของปาฏิหาริย์หรือเรื่องราวเหนือธรรมชาติทั้งหลายทั้งปวงจนหมดสิ้น
และไม่มีเรื่องราวของการนับถือบูชาวัตถุเครื่องรางของขลังใดใด

ชอบตอนหนึ่งในเล่มที่พูดถึงเรื่อง “ความทุกข์” ของคนเรา
ว่าเป็นเหมือนการที่หน้าของเราเปื้อนมอมแมม
พอไปยืนส่องกระจก
กลับเอาผ้าไปเช็ดที่กระจกเงา
ทั้งๆที่แท้ที่จริงแล้ว….
เราแค่ล้างหน้าตัวเองให้สะอาด รอยเปื้อนก็หายไป

เปรียบเสมือนคนส่วนใหญ่
ที่ชอบเอา “ความทุกข์” ของตัวเอง
ไปผูกติดกับสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัว
ไปฝากความหวังไว้กับสิ่งแวดล้อม

ทุกข์ที่ใจตัวเอง แต่กลับไปแก้ที่คนอื่น
แล้วดับทุกข์อย่างไรก็ดับไม่ได้
จะกินเหล้า เข้าเธค อัพยา
หรือหนีไปเที่ยวไกลๆ
ตราบใดที่ทุกข์ยังอยู่ในใจ
คุณก็ยังทุกข์อยู่เช่นนั้นร่ำไป

 



…………………………………….

 


บางส่วนของคำคมจากหนังสือเล่มนี้
ที่ผมจดไว้ในสมุดบันทึกของผม


 


“คำตอบ คือ เราต้องรับผลแห่งกรรม
กฎซึ่งไม่มีข้อยกเว้นของเหตุและปัจจัย
คำถามที่ตามมา คือ กรรมเกิดมาจากไหน ?
....รากเหง้าของเหตุ
มาจากพิษร้ายในใจ”


 


...............
 

 



“ไม่มีความกลัวใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าความกลัวตาย
ไม่ว่าจะเป็นความกังวลใจต่อการล้มเหลวทางธุรกิจ
ความโศกเศร้าเมื่อสูญเสียคนรัก
....ไม่มีเลย

เมื่อเรารู้ว่าความตายมาจ่อใกล้ที่ปลายจมูก
เราจะเกิดความกลัวยิ่งกว่าความกลัวครั้งไหนๆที่เคยประสบมาในชีวิต
“กลัว” สลับกับ “ความเสียใจ” ต่อความว่างเปล่าของชีวิต
เราทำงานหนักและพากเพียรเพื่อจะประสบความสำเร็จ
แต่เราต้องพิสูจน์ความเพียรพยายามของตัวเองเพื่อสิ่งใดกัน ?
ความโศกาอาดูรผุดขึ้นมาเมื่อเรามองย้อนกลับไป
และพบว่าชีวิตว่างเปล่า และ ไร้ความหมาย”

 



..................................................
 

 


ความตายในบางความหมาย
จึงย่อมไม่ใช่ “ความโศกเศร้า” เสมอไป
หากแต่เป็นการระลึกให้เห็นถึงคุณค่าในวันที่ยังหายใจอยู่
ใช้ชีวิตอย่างไรจึงจะมีประโยชน์แก่โลก กับสังคม
และคนรอบข้าง

แทนที่จะใช้เวลาที่เหลือเพื่อนั่งวิตกจริต “กลัวตาย”
หากแต่เราควรทำความเข้าใจ “ความตาย” ให้ถ่องแท้
เพื่อในท้ายที่สุด...
เมื่อถึงเวลานั้นของชีวิต...
เราจะได้ไป “สู่ความตายอย่างสงบ” อย่างแท้จริง

 

กล่องความคิดเห็น

การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่