บทความทั่วไป

:: กะก๋าแนะนำหนังสือ - บันทึกถึงเธอเบียทริซ ::

กะว่าก๋า

 

 

 

:: กะก๋าแนะนำหนังสือ ::



:: บันทึกถึงเธอเบียทริซ ::














คุณเชื่อในพลังและแง่งามแห่งมิตรภาพบ้างไหม ?
ถ้าไม่เชื่อ...ชีวิตคุณคงแห้งแล้งแห้งผาก
แต่ถ้าเชื่อ...หนังสือเล่มนี้จะพาคุณย้อนกลับเข้าไปสำรวจตรวจสอบ
แง่มุมที่อ่อนไหวในหัวใจของตัวคุณเอง....













เรื่องราวแห่งมิตรภาพต่างวัย ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม
ที่เกิดขึ้นจากถังสีเขียวข้างบ้านและม้านั่งยาวสีเขียวตัวนั้น....


หญิงชราออสเตรเลียวัย 95 ปีกับเด็กสาววัยยี่สิบจากเมืองไทย
สร้างมิตรภาพให้เกิดขึ้นด้วยบทสนทนาที่เรียบง่าย
พบปะ ทักทาย พูดคุย แลกเบอร์โทร
และไปพบกันที่บ้านของคุณยายเบียทริซ
















{ ชีวิตคนเราก็เหมือนตู้ขบวนบนรางรถไฟ
ที่จำต้องผ่านห้วงเวลานาทีไปรวดเร็ว
เกินกว่าจะหยุดมองดูรายละเอียดเล็กน้อยในแต่ละสถานี

หน้า 29}















ถ้าเปรียบชีวิตคนเรากับการเดินทาง
เบียทริซอาจเป็นรถไฟขบวนสุดท้าย
ที่พร้อมจะเทียบชานชาลาเพื่อพักผ่อนอย่างสงบ....


เราสามารถรับรู้ได้ถึงความจริงใจ
ความตั้งใจในการเดินทางไปหาคนแก่ที่เจ็บป่วยคนหนึ่ง
มิตรภาพต่างวัยที่ช่วยปลุกปลอบความหวังของคนที่เจ็บป่วย
และในความชรานั้นกลับเต็มไปด้วยทีท่าที่เข้าใจโลก
มีอารมณ์ขัน น่ารักและมีเสน่ห์


















{ ช่วงหนึ่งเบียทริซถามขึ้นลอยๆว่า
“บอกฉันซิว่าทำไมเธอมาอยู่ตรงนี้
ทำไมไม่ไปเที่ยวเล่นอย่างเด็กคนอื่นเขา
มาเสียเวลากับคนแก่อ่อนแออย่างฉันทำไม ?”
ปกติแล้วเบียทริซมักถามคำถามตอบยากกับฉันเสมอ
แต่นี่อาจเป็นครั้งแรกที่เธอถามคำถามง่ายๆกับฉัน
ฉันจึงตอบไปอย่างใจคิดว่า
“ฉันมาอยู่ตรงนี้เพราะเธอเป็นเพื่อนฉัน”

- หน้า 98 }














ผมเองชอบคุยกับคนเฒ่าคนแก่
ยังจำได้ดีเมื่อครั้งที่ไปเที่ยวบ้านเพื่อน
ผมเข้าไปสวัสดีและทักทายคุณยาย
ก่อนจะนั่งลงพูดคุยและถามคำถามมากมาย
เพื่อนผมแอบถามหลังจากที่ผมกลับบ้านว่า

“มึงคุยอะไรกับยายกูวะ
ไม่เคยเห็นแกคุยกับใครนานอย่างนี้มาก่อนเลย”

ผมยิ้ม..
ผมนั่งคุยกับคุณยายนานเป็นชั่วโมงทั้งๆที่เพิ่งเคยพบกันครั้งแรก
นั่งฟังคุณยายเล่าถึงความหลัง เล่าถึงสภาพบ้านเมืองในอดีต
ผมชอบดวงตาฝ้าฟาง ยามที่พูดถึงเรื่องราวความหลัง
มันเหมือนมีประกายวิบวับออกมาจากดวงตาขุ่นมัวนั่น...
ผมหัวเราะก๊ากเมื่อคุณยายเล่าถึงตอนที่แอบพายเรือหนีออกจากบ้านไปเที่ยวงานวัด
อารมณ์คงไม่ต่างจากเด็กสาวที่หนีพ่อแม่ไปเที่ยวผับในยุคนี้...
ผมนั่งป้อนคำถาม และฟังอย่างมีความสุข
นี่คือ “ผลึกชีวิต” ที่กลั่นกรองด้วยกาลเวลา....













หนังสือเล่มนี้ทำให้ผมนึกถึงแง่งามแห่งมิตรภาพ
เมื่อคุณเปิดใจกับใครสักคน
คุณจะมองข้ามภาพลักษณ์และตัวตนที่เขาสร้างขึ้น
หากคุณตั้งใจฟังใครสักคนอย่างลึกซึ้ง
คุณอาจพบว่าใครคนนั้นอาจมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เหมือนคุณ
และในความแตกต่างที่มี
เขาอาจเติมเต็มในสิ่งที่คุณกำลังขาดแคลนและออกตามหาอยู่
เบียทริซทำให้ผมนึกคุณครูมอรี่ จากหนังสือ วันอังคารกับครูมอรรี่
หนังสือยอดเยี่ยมตลอดกาลในดวงใจของผม
เบียทริซและครูมอรี่มิใช่คนแก่...
ที่แก่และนอนรอความตายอย่างไร้ความหมาย
หากแต่เป็นความแก่ชราที่ผ่านการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า
และพร้อมแบ่งปันแง่คิดแง่งามในชีวิตตนเองเพื่อคนที่อยู่ข้างหลัง























คุณสิริพันธุ์เขียนเรื่องเล่านี้ได้อย่างสวยงาม
เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยรายละเอียดของความรู้สึก

แม้การพูดถึงการจากไปของเบียทริซก็เป็นไปด้วยความลึกซึ้ง
ไม่มีความเศร้าโศกเจือปน....


การจากลามิจำเป็นต้องจบลงด้วยความเศร้าเสมอไป
การจากไปของใครคนหนึ่ง
อาจเป็นสิ่งที่กระตุ้นเตือนให้ใครบางคนได้เติบโตอย่างเข้าใจชีวิต













ผมอยากให้คุณอ่านหนังสือเล่มนี้
แล้วคุณจะพบว่า “ครู” ในชีวิตของเรา
สามารถพบเจอได้ในทุกแห่งหน
พบเจอได้ในคนทุกแบบทุกประเภท
ขึ้นอยู่กับเราพร้อมจะเปิดใจเรียนรู้
และนั่งฟังอย่างลึกซึ้งหรือเปล่าเท่านั้นเอง .

กล่องความคิดเห็น

การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่