บทความทั่วไป

:: กะก๋าแนะนำหนังสือ : สิทธารถะ ::

กะว่าก๋า

 

 

:: กะก๋าแนะนำหนังสือ ::




:: สิทธารถะ ::




เขียนโดย : แฮร์มัน เฮสเซ
แปลโดย : สีมน






แนะนำโดย : กะว่าก๋า























หนังสือแต่ละเล่มมีชีวิต
และมันรอให้คนอ่านพร้อมเสียก่อน
แล้วจึงเปิดโอกาสให้ได้พบเจอกัน





หลายปีที่ผมเดินผ่านหนังสือเล่มนี้
หยุดมอง พลิกอ่าน
แต่ไม่เคยคิดจะซื้อกลับมาอ่านเลย


ต้นปี..ผมเดินผ่านหนังสือเล่มนี้อีกครั้ง
อย่างไม่มีเหตุผล
ผมซื้อกลับมาที่บ้าน แล้วนั่งลงอ่านด้วยอาการนะจังงัง




เมื่ออ่านจบ
ผมได้แต่คิดในใจ
ว่าทำไมเราถึงพลาดการอ่านหนังสือที่สุดยอดเล่มนี้ไปหนอ ?


เมื่อใจสงบรำงับ...
ผมกลับได้พบความจริงที่ว่า

หนังสือบางเล่มก็เหมาะกับคนอ่านเมื่อเขาพร้อมที่จะอ่านจริงๆ
บางที...หากผมอ่านหนังสือเล่มนี้เร็วเกิน
นอกจากจะไม่ซึมซับรับรู้เนื้อความที่ผู้เขียนตั้งใจสื่อแล้ว
ผมอาจจะวางหนังสือเล่มนี้ไม่จบบทที่ 1 ด้วยซ้ำไป
เพราะอ่านแล้วไม่รู้เรื่อง....







“สิทธารถะ” บอกเล่าเรื่องราวการค้นหาตัวตนของมนุษย์ผู้หนึ่ง
ผู้ซึ่งเกิดในตระกูลที่สูงส่ง
หากแต่มิปรารถนาจะใช้ชีวิตเพื่อเกิด แก่ เจ็บ ตาย
โดยมิได้สัมผัสชีวิตที่แท้จริง


สิทธารถะและเพื่อนรัก โควินทะ
จึงตัดสินใจเดินทางออกจากบ้าน
เพื่อไปค้นหาตัวตนตามแนวทางความคิด ความเชื่อ
และความศรัทธาของตนเอง



ด้วยความฉลาดเฉลียว ด้วยความแข็งแกร่ง
ด้วยความทะนงตน สิทธารถะแสวงหา “ครู”
และฝึกฝนตนเองอย่างหนักหน่วง
เคี่ยวกรำจิตวิญญาณของตนเองอย่างจริงจัง


ในความเป็นสมณะ...
เขากลายเป็นผู้เข้าใกล้จิตแห่งพุทธะเต็มที


จนเมื่อวันหนึ่งสิทธารถะและโควินทะ
มีโอกาสเข้าเฝ้าเพระพุทธเจ้า

ที่นั่นเอง ศรัทธาแห่งชีวิตทำให้โควินทะตัดสินใจบวช
และเข้าเป็นสาวกของพระพุทธองค์

ในขณะที่สิทธารถะผู้ซึ่งมั่นใจในสิ่งที่ตนเองรู้สึก
ได้เลือกเส้นทางที่แตกต่าง

เขาตัดสินเดินทางออกจากความเป็น “สมณะ”
และได้เข้าสู่โลกแห่งความเป็นมนุษย์ปุถุชนอีกครั้ง
ด้วยความเชื่อมั่นในปัญญาและสิ่งที่ตนเองมีอยู่



ในเป้าหมายของชีวิตอันเป็นหนึ่งเดียว...
คือ การแสวงหาความรู้แจ้ง
คนหนึ่งเลือกเส้นทางนักบวชในทางธรรม
อีกคนหนึ่งเลือกเส้นทางชีวิตในทางโลก






หลายปีผ่านไป....



โควินทะยังเป็นเพียงนักบวชผู้ยังติดข้องสงสัยในหลักธรรมสูงสุด
ขณะที่สิทธารถะเวียนว่ายอยู่ในโลกแห่งกามกิเลสอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
เขาตกหลมรักนางงามเมือง
ใช้ชีวิตคลุกเคล้าอยู่กับกามกิเลสแห่งเรือนกาย
เขากลายเป็นพ่อค้าวานิชผู้ร่ำรวยและมีอิทธิพลล้นฟ้า
กลายเป็นผู้รู้ ผู้เฉลียวฉลาดที่มีคำตอบให้กับทุกคนที่มีคำถามและข้อสงสัย

ที่สุดแล้ว เขาตกเป็นทาสของผีพนันอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
เพียงเพราะเสพติดรสชาติของการเสี่ยงโชค
เสพติดความตื่นเต้น ความสุขที่การพนันปรนเปรอให้....



เมื่อจิตใจเดินทางมาจนถึงจุดต่ำสุด
ไม่ว่าหญิงงาม ความรัก ความโกรธเกลียด ความริษยา
ความโลภ ความหลง ฯลฯ
ทุกสิ่งประเดประดังเข้าสู่ชีวิต
ราวกับมันจะบีบอัดชีวิตของเขาให้แตกสลายเป็นผุยผง



สิทธารถะเลือกที่จะทิ้งทุกอย่างที่มี
เพื่อย้อนกลับไปสู่วันที่เขาไม่มีอะไรเลยในคราบนักบวช
เพื่อกลับมาค้นหา “ตัวตน” อีกครั้ง....



สิทธารถะเดินหนีออกมาจากเมืองที่ตนเคยอยู่
จนไปเจอกับคนพายเรือข้ามฟาก
ผู้ซึ่งเมื่อหลายสิบปีก่อนได้รับสมณะหนุ่มชื่อสิทธารถะพาข้ามฝั่งมาแล้วครั้งหนึ่ง
แต่วันนี้เขาคือผู้ที่ช่วยชีวิตสิทธารถะมิให้ฆ่าตัวตายที่ริมฝั่งน้ำ
อันเนื่องมาจากจิตสลายและรับสภาพตัวเองไม่ได้จนคิดปลิดชีวิตตัวเอง



สิทธารถะใช้ชีวิตอยู่กับชายชราผู้รับส่งคนข้ามฟากวันแล้วคืนเล่า





วันคืนล่วงไป....
ทุกวันทั้งสองพูดคุยสนทนาถึง “สายน้ำ”
“แม่น้ำ” ที่ทั้งสองคนพายเรือข้ามฝั่งส่ง-รับผู้คนมากมาย
กลับกลายเป็น “ครู” ทางจิตวิญญาณที่สำคัญยิ่ง



ครูผู้สอนให้สิทธารถะได้ตระหนักรู้ถึงความจริงแห่งชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
การพลัดพรากจากสิ่งที่ตนรัก
การไม่ได้รับในสิ่งที่ตนเองพึงพอใจ


สิทธารถะในวัยชรา
จึงมิเพียงต้องพบกับเหตุการณ์อันน่าเจ็บปวด
อดีตภรรยาที่รักมากที่สุดกลับมานอนตายในอ้อมแขน
ลูกชายคนเดียวที่มีอยู่ปฏิเสธการรับเขาเป็นพ่อ
นั่นเป็นความเจ็บปวดที่ตอกลิ่มลงไปในหัวใจของชายผู้อยากหลุดพ้น



ท้ายที่สุดเมื่อคนที่รักมากที่สุดในชีวิตทั้งสองคนจากไป....


สิทธารถะจึงได้นั่งคุยกับสายน้ำอย่างจริงจังอีกครั้ง
และที่นี่เอง...เขาได้พบ “สัจธรรม” ที่แท้จริงแห่งการตื่นรู้





บทสนทนาธรรมท้ายเล่ม
ระหว่างสหายเก่าโควินทะและสิทธารถะ
มิได้เป็นบทสรุปของเรื่อง
หากแต่ทิ้งข้อคิดไว้ให้คนอ่านได้คิดต่อ
ว่าแท้ที่จริงแล้ว “การเดินทางของชีวิต” คนเรา
มันควรสิ้นสุดลงตรงที่ใด

นิพพานที่แต่ละคนวาดหวัง
นั้นเป็นสิ่งสูงสุดในชีวิตแห่งความฝันของนักปฏิบัติธรรมหรือไม่
และถ้าใช่...เราจะเดินทางไปสู่จุดนั้นได้อย่างไร ?
ไม่ว่าจะอยู่ในคราบของมนุษย์ปุถุชน
หรือในรูปแบบของสมณะเพศก็ตามที....


หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ผมชื่นชอบมากในรอบหลายปี
น่าทึ่งกับงานเขียนอันเต็มไปด้วยพลังของนักเขียนชาวตะวันตก
ผู้ลึกซึ้งถ่องแท้กับพุทธประวัติแบบตะวันออกเป็นอย่างยิ่ง


ชื่นชมกับการแปลและถอดความของคุณสีมน
ที่แปลเรื่องราวถ้อยคำออกมาได้อย่างดงามด้วยภาษากวี



นี่คือหนังสือที่ผมอยากอ่านซ้ำทันทีเมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้จบลง

 

 

 

 

กล่องความคิดเห็น

การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่