บทความทั่วไป

:: SAMSARA ~ เวียนว่ายในวังวน ::

กะว่าก๋า

 

 

: SAMSARA ~ เวียนว่ายในวังวน :




แนะนำภาพยนตร์โดย : กะว่าก๋า

















หนังสือบางเรื่องต้องรอคนอ่านตกผลึกทางความคิด
จึงจะอ่านมันเข้าใจ

หนังสือบางเล่มสำหรับผมจึงเป็นบททดสอบการเติบโตทางความคิดของตนเอง
ทุกๆ 5 ปี ผมจะหยิบหนังสือเล่มนั้นกลับมาอ่านอีกครั้ง
บางเล่มอ่านครั้งแรกไม่เข้าใจ อ่านอีกครั้งก็ยังงง
แต่ 15 ปีผ่านไปเมื่อหยิบกลับมาอ่านอีกครั้ง
ตัวอักษรบางตัวในเล่มนั้นกลับทำให้เราเข้าใจเรื่องที่สงสัย
ได้อย่างแจ่มแจ้ง.....


ภาพยนตร์บางเรื่องเป็นเช่นนี้..
เช่นเรื่อง Samsara หนังธิเบตของผู้กำกับชาวอินเดีย Pan Nalin


ผมดูหนังเรื่องนี้สามครั้ง


ครั้งแรกดูด้วยความตื่นเต้นในเนื้อหนังมังสาของคริสตี้ ชุง
และฉากรักร้อนแรงของดาราสาวชาวฮ่องกง


ครั้งสองรับรู้ “สาร” บางอย่างที่ผู้กำกับต้องการสื่อให้เรารับรู้


และครั้งที่สาม...ผมนั่งลงดูหนังเรื่องนี้อย่างเงียบๆในความมืด
แล้วตั้งคำถามกับเรื่องราวที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า....





















น้ำเพียงหยดเดียว
จะป้องกันเช่นใดมิให้เหือดแห้ง ?





นี่คือคำถามที่ถูกถามไว้ตอนต้นเรื่อง
ก่อนจะขยายคลายผลในตอนท้ายสุดของเรื่อง
















เรื่องราวของลามะธิเบตที่ฝึกฝนตนในทางธรรมตั้งแต่ 5 ขวบ
ต้าชิคือความหวังของพระผู้ใหญ่ในวัด
ซึ่งคาดหวังว่าการฝึกตนอย่างหนักหน่วงของเขา
จะสร้างพระผู้หลุดพ้นจากสังสาระได้....


3 ปีในถ้ำกลับไม่ได้ช่วยให้เขารอดพ้นจากความอยากทางกามวิสัย


ในใจต้าชิรุ่มร้อนไปด้วยความปรารถนาในราคะ
ธรรมที่ปฏิบัติอยู่ยังไม่อาจคลายกำหนัดและความสงสัยในใจเขาได้


ที่สุดแล้ว...มันทำให้เขาเลือกที่จะสลัดจีวร
ละทิ้งทางธรรม เพื่อเดินทางไปสู่ทางโลก
โลกและโลกีย์
โลกที่เต็มไปด้วยการดิ้นรนต่อสู้ชีวิต
โลกที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมทางการค้า
โลกที่เต็มไปด้วยการแย่งชิงความรัก
โลกที่เต็มไปด้วยห่วง...ห่วงแห่งเงินทอง การยอมรับ
ครอบครัว และสิ่งต่างๆที่รู้สึกถึงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ




แม้จะรู้ดีว่า




ทุกสิ่งที่เราสัมผัส
คือ สถานฝึกแนวทาง





และยิ่งท้าทายตนเองด้วยคำพูดที่ว่า




ผมไม่ควรยอมรับคำสอน
จนกว่าผมจะเข้าใจจากมุมมองของตัวเอง





แต่ต้าชิกลับเดินทางไปไกลเกินกว่าที่ตัวเองจะคาดคิด



ยิ่งเขา “อยาก” มากเท่าไหร่
สิ่งที่เขามีอยู่ราวค่อยๆสูญเสียไปทีละนิด
ทั้งความรัก กามอารมณ์ เงินทอง
และทุกสิ่งที่เขาครอบครองอยู่



ในขณะที่เขาพยายามเดินไปข้างหน้าในถนนชีวิต
เขากลับพบว่าตนเองยิ่งไม่เข้าใจในเรื่องราวทางโลก
ต่างกับเพม่าหญิงสาวที่ทำให้เขาต้องสึกเพื่อมาอยู่กับนาง

นางเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้าน
หากแต่ด้วยการใช้ชีวิต ด้วยความเข้าใจชีวิต
กลับทำให้นางเดินทางเข้าสู่ทางธรรมโดยมิต้องยึดติดกับรูปแบบนักบวช
นางเข้าใจในเรื่องของความเมตตาและการแบ่งปัน
นางมีความรับผิดชอบเต็มเปี่ยมต่อลูกและสามี
นางอยู่ในธรรม โดยมิต้องแสวงหาธรรมอย่างที่ต้าชิกำลังเพียรค้นหา
















หลายปีผ่านไป....



ต้าชิใช้ชีวิตคลุกเคล้ากับเรื่องราวทางโลกและถูกโลกโขกสับ


วันที่เขานอกใจเพม่าด้วยการร่วมรักกับสุชาดา
หญิงสาวที่รับจ้างทำนากับครอบครัวของเขา
สุชาดาบอกกับต้าชิที่กำลังตื่นตระหนก
เมื่อเห็นเพม่าและลูกชายซึ่งเดินทางไปขายข้าวในเมือง
กำลังเดินทางกลับมาบ้านว่า





“เธอจะกลัวอะไรต้าชิ เพม่าบอกฉันมาตั้งนานแล้ว
ว่าเรื่องของเรามันจะต้องเกิดขึ้นแน่ๆในสักวัน”





เพม่ารู้อยู่มานานแล้ว....ว่าต้าชิไม่เคยเข้าโลก
และเมื่อไม่เข้าใจโลก เขายอมไม่เข้าใจตัวเอง
ต้าชิเป็นหยดน้ำที่พร้อมจะเหือดแห้งหายอยู่ตลอดเวลา
และไม่สามารถเติมเต็มตัวเองได้เลย





มีหลายสิ่งที่เราสมควรทอดทิ้ง
เพื่อจะเรียนรู้ในภายหลัง
และหลายสิ่งที่เราควรครอบครอง
เพื่อจะสละทิ้ง





ข่าวการมรณภาพของอาโป
อาจารย์ทางธรรมที่ต้าชินับถือ
ทำให้เขาเกิดคำถามอย่างรุนแรงในความรู้สึก

และในคืนนั้น....
เขาตัดสินใจหลบหนีเมียและลูก

เดินทางผ่านแม่น้ำสายเดิมที่ตนเคยเปลี่ยนสภาพ
จากลามะนักบวชผู้ถือศีลไปเป็นฆราวาส

บัดนี้แม่น้ำสายเดิม....

ชายผู้ไม่เคยเข้าใจโลกและกามกิเลส
กำลังปลงผมเพื่อกลับเข้าสู่การถือครองเพศบรรพชิตอีกครั้ง...





เมื่อต้าชิเดินทางไปถึงยังวัด...
ก่อนเข้าสู่เขตวัด พลันเกิดภาพนิมิตขึ้น

ต้าชิเห็นเพม่าภรรยาของเขาเดินเข้ามาแล้วพูดกับเขาว่า






“ยโสธรา....รู้จักชื่อนั้นไหม ?
เจ้าชายสิทธัตถะ โคตมะ ศากยมุนี พระพุทธเจ้า
ทุกคนรู้จักชื่อเหล่านี้ แต่ยโสธราล่ะ ?


ยโสธราอภิเษกกับเจ้าชายสิทธัตถะ นางรักเขาจนหมดใจ
คืนหนึ่ง...สิทธัตถะทิ้งนางและราหุลบุตรชาย
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังหลับ
เพื่อแสวงหาการตรัสรู้และการหลุดพ้น
เพื่อจะกลายเป็นพระพุทธเจ้า
เจ้าชายไม่ทรงพูดกับนางสักคำขณะที่กำลังหนีไป
ไม่มีแม้แต่คำว่าลาก่อน....



ยโสธราได้แสดงความเมตตาต่อคนป่วยและผู้ทุกข์ยาก
ก่อนสิทธัตถะจะเคยทำ
ก่อนสิทธัตถะจะสำนึกรู้ถึงความทุกข์


เนิ่นนานมาแล้ว...แต่มีใครคนใดบ้างไหม
ที่กล้าพูดว่า --- สิทธัตถะตรัสรู้ได้ก็เพราะนาง


ไม่แน่นะ...บางทียโสธราอาจอยากทอดทิ้งสิทธัตถะกับราหุล
(เพื่อไปแสวงหาหนทางแห่งการหลุดพ้นบ้าง)
แต่ทำอย่างไรเราจึงจะรู้ได้ว่า
ยโสธราคือเหยื่อของความโกรธ
ความเปล่าเปลี่ยวและความขมขื่น



ตั้งแต่สิทธัตถะทิ้งนางไป
จะมีใครที่คิดถึงนางบ้าง ว่านางต้องตอบคำถามนี้อย่างไร ?
เมื่อราหุลบุตรของนางถามว่า

“พ่อของข้าอยู่ที่ไหนหรือ ?”

คนเป็นแม่จะทอดทิ้งลูกของตัวเองตอนกลางดึกได้ลงคอหรือ ?


มีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่ทำ
มีแต่ผู้ชายเท่านั้น....




หลังจากนั้น....ยโสธราก็ไม่มีทางเลือก
นางต้องใช้ชีวิตอย่างผู้เสียสละ
นางปลงผมทิ้ง จากนั้นก็ใช้ชีวิตอย่างผู้สันโดษ

รู้ไหมต้าชิ...ถ้าความคิดที่เธอมีต่อธรรมะ
แน่วแน่และมั่นคงเหมือนกับความรัก
เหมือนกับความหลงใหลในเสน่หาราคะที่เธอแสดงออก

เธอจะกลายเป็นพระพุทธเจ้าในร่างนี้
ภายในชีวิตนี้ !!!”









เมื่อได้สบตากับความจริงของชีวิตในชั่วขณะ
ต้าชิจึงได้รู้ว่าสิ่งที่ตนแสวงหามาตลอดชีวิตนั้นคืออะไร ?





น้ำเพียงหยดเดียว
จะป้องกันเช่นใดมิให้เหือดแห้ง ?






คำถามนั้นกลับมาอีกครั้ง
และต้าชิมีคำตอบแล้วในใจ






น้ำเพียงหยดเดียว
จะป้องกันเช่นใดมิให้เหือดแห้ง ?
คำตอบก็คือ ต้องเทมันลงสู่ทะเล.









: หมายเหตุ :



- ภาพประกอบบล็อกนี้จาก Internet ครับ


- samsara แปลว่า สังสาระ หรือการเวียนว่ายตายเกิด


- ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เหมาะกับเด็ก เยาวชน
และผู้ใหญ่ที่ใจเต็มไปด้วยอคติทางศาสนา

กล่องความคิดเห็น

การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่