บทความทั่วไป

:: กะก๋าแนะนำหนังสือ - ดีไซน์รัก :: { ว่าด้วยเรื่องของการศึกษา }

กะว่าก๋า

 

 

:: กะก๋าแนะนำหนังสือ - ดีไซน์รัก ::

{ ว่าด้วยเรื่องของการศึกษา }




เขียนโดย : OSHO
แปลโดย : ดร.ประพนธ์ ผาสุขยืด









โอโชเป็นคล้ายกับศาสดา
เขาเป็นนักปรัชญาผู้ช่ำชอง เป็นนักพูดที่เก่งกาจ
เป็นนักโน้มน้าวความคิดของผู้คน
เป็นผู้นำทางปัญญาของผู้คนมากมายมหาศาล


บางคนศรัทธาเขาราวกับเทพเจ้า
แต่หลายคนเกลียดชังเขาราวซาตาน


แต่ไม่ว่าใครจะมองเขาอย่างไร
โอโชได้ส่งผ่านความคิดที่ดีมากมาย (และที่อันตรายด้วย)
สู่สังคมผ่านการเทศนา ปาฐกถามากมายหลายวาระ


ในเมืองไทยมีหนังสือแปลของโอโชอยู่หลายเล่ม
ผมเองอ่านหนังสือของโอโชเกือบทุกเล่ม
ชอบอยู่หลายประโยค เห็นด้วยกับหลายแนวคิด
(ที่ไม่เห็นด้วยก็ย่อมมีเป็นธรรมดา)


นี่เป็นหนังสืออีกเล่มที่น่าสนใจมากสำหรับผมครับ













เนื้อหาบางตอนในหนังสือเล่มนี้
กล่าวถึงความรักและการเลี้ยงดูลูก
ผมเห็นว่าเป็นประโยคที่น่าสนใจ
จึงนำมาแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนๆครับ













ประโยคนี้น่าสนใจ
เพราะบางครั้งเมื่อหวนคิดถึง “ความกลัว” ในใจตนเอง
ผมคิดว่าหลายคนโตมากับ “คำขู่ที่สอนให้กลัว”
และ “คำสั่งที่บังคับให้เชื่อ”


เคยสงสัยไหมครับ
ว่าทำไมเรากลัวผี ทั้งที่ไม่เคยเห็นมันต่อหน้า
เรากลัวคนบางอาชีพ เรากลัวที่จะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ฯลฯ

ผมเชื่อว่า “ความกลัว” เหล่านั้นถูกส่งผ่านมายังเราๆท่านๆ
ด้วยการเลี้ยงดูและสอนแบบผิดๆ

ในวัยเด็กหลายคนที่ทำผิด ดื้อ ซน
จึงถูกขู่ด้วยคำขู่แปลกๆ เช่น


อย่าดื้อนะ เดี๋ยวตุ๊กแกมากินตับ
อย่าซนนะ เดี๋ยวผีมาลักพาตัวไป
อย่าเกเรนะ เดี๋ยวตำรวจจะจับไปขังคุก

ฯลฯ



แล้วเราก็บันทึกคำขู่นั้นลงไปในจิตใต้สำนึก
ก่อนแปรเปลี่ยนมันเป็น “ความกลัว” ที่ฝังอยู่ในความคิด
จนไม่อาจสลัดหลุดได้





เราสูญเสีย “ธรรมชาติ” ที่สดใสในวัยเยาว์ไปมากมาย
ด้วยคำขู่ คำสอนเหล่านั้น.....













เด็กมากมายจึงถูก “บังคับ” ให้ต้องเชื่อ ต้องทำ
ต้องคิด ในรูปแบบที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
นี่เป็นการขึงพืดทางจิตวิญญาณที่น่ากลัวมากๆ....

และความกลัวเหล่านี้ฝังติดลึกในจิตใจ
จนยากที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลง















สิ่งที่ผมกลัวมากที่สุด
คือการส่งผ่านความคิด ความเชื่อผิดๆแบบนี้
ผ่านคนรอบกายที่แวดล้อมตัวเด็กๆ


พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ นักบวช เพื่อน สื่อมวลชน ฯลฯ


ทุกคนส่งผลต่อความคิดของเด็ก
ทุกความคิดส่งผลต่อชีวิตของเด็ก


ทั้งในวันนี้และในวันหน้า

รวมถึงวันต่อๆไปที่เขาจะเติบโตขึ้น




หากในใจของเด็กคนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วย “ความหวาดกลัว”
เมื่อเขาเติบโตขึ้นมา
เขาย่อมส่งต่อผลิตผลยาพิษนี้ให้กับคนรอบข้างต่อไป
และกลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่ไม่อาจหยุดยั้งได้




ผมเลี้ยงลูกโดยระมัดระวังที่สุดในเรื่องการสอน ในเรื่องวิธีคิด
แน่นอน...ไม่มีวิธีเลี้ยงลูกแบบใดที่ดีที่สุดในโลก
ไม่มีการสอนแบบไหนที่ตายตัวและดีที่สุดสำหรับเด็กคนหนึ่ง


มันคือการเรียนรู้ของคนเป็นพ่อแม่
เพื่อการปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลง ปรับปรุง
และหาวิธีการเลี้ยงดูเพื่อให้เหมาะสมที่สุดกับลูกของตนเอง




ผมไม่มีวันยอมให้คำสอนผิดๆ
ความเชื่อผิดๆของใครก็ตาม
หลุดเข้ามาทำลายความเชื่อมั่น
และการเคารพตนเองของลูก

ผมจะไม่ยอมให้คำขู่ หรือคำสั่งที่ไม่สมเหตุผล
หลอกลวง ขู่บังคับให้ลูกของผม
ต้องทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ต้องเชื่อในสิ่งที่ไม่สมควรเชื่อ



ผมเคยโตมากับความงุนงงสับสนเหล่านั้น
เคยถูกคำสั่ง คำสอนมากมายที่หลอกลวงให้หลงผิด


กว่าจะสอนตัวเองให้เลิกกลัวผีได้
รู้ไหมครับว่าผมต้องใช้ความพยายามแค่ไหน


กว่าจะพาตัวเองให้หลุดออกจากความทุกข์ในใจได้
ต้องเจ็บปวดอยู่กับความคิดนี้มากี่ครั้งกี่หนกี่เดือนกี่ปี





ผมไม่ได้ผลักความผิดที่มี
ให้กับผู้ใหญ่หรือคนรอบข้างทั้งหมดหรอกนะครับ
ส่วนหนึ่งความกลัวนี้เราก็สร้างขึ้นมาจากตัวเราเอง


และเมื่อได้รู้แล้วว่า “ความกลัว” นี้มันร้ายกาจรุนแรงเพียงใด

เรายังจะส่งต่อสิ่งนี้ให้ลูกหลานของเราอีกทำไม

กล่องความคิดเห็น

การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่