:: กะก๋าแนะนำหนังสือ - ดีไซน์รัก :: { ว่าด้วยเรื่องของความรัก : ตอนที่ 2 }
:: กะก๋าแนะนำหนังสือ - ดีไซน์รัก ::
{ ว่าด้วยเรื่องของความรัก : ตอนที่ 2 }
เขียนโดย : OSHO
แปลโดย : ดร.ประพนธ์ ผาสุขยืด
โอโชเป็นคล้ายกับศาสดา
เขาเป็นนักปรัชญาผู้ช่ำชอง เป็นนักพูดที่เก่งกาจ
เป็นนักโน้มน้าวความคิดของผู้คน
เป็นผู้นำทางปัญญาของผู้คนมากมายมหาศาล
บางคนศรัทธาเขาราวกับเทพเจ้า
แต่หลายคนเกลียดชังเขาราวซาตาน
แต่ไม่ว่าใครจะมองเขาอย่างไร
โอโชได้ส่งผ่านความคิดที่ดีมากมาย (และที่อันตรายด้วย)
สู่สังคมผ่านการเทศนา ปาฐกถามากมายหลายวาระ
ในเมืองไทยมีหนังสือแปลของโอโชอยู่หลายเล่ม
ผมเองอ่านหนังสือของโอโชเกือบทุกเล่ม
ชอบอยู่หลายประโยค เห็นด้วยกับหลายแนวคิด
(ที่ไม่เห็นด้วยก็ย่อมมีเป็นธรรมดา)
นี่เป็นหนังสืออีกเล่มที่น่าสนใจ
คนบางคน
ใช้เวลาชั่วชีวิต
เพื่อรอที่จะรักใครบางคน
และเฝ้ารอใครสักคนเดินผ่านเข้ามา
แต่ความรักไม่ต้องการการเฝ้ารอ
ความรักต้องการคนที่กล้าเดินเข้าไปหาความรัก
เพื่อพิสูจน์ตนเองต่อความเชื่อมั่นนั้นเท่านั้นเอง
บางคนรักใคร
แค่เพียงต้องการทำลายความเหงาของตัวเอง
ความรักไม่ได้เป็นสิทธิ์ของใคร
เราเองไม่มีสิทธิ์ครอบครองใคร
ชีวิตเป็นเรื่องของสิทธิ์ส่วนตัว
เพียงแต่เมื่อเราวางความหวาดกลัวลง
คนสองคนก็สามารถรักกันได้อย่างหมดหัวใจ
เวลาเกิดปัญหาในความรักและชีวิตคู่
เรามักคิดแก้ไขคนรักของเราเป็นอันดับแรก
เรามองเขาเป็นไม้ดัด
ที่อยากจะดัดและตัดแต่งกิ่ง
ให้ได้รูปรอยอย่างที่เราพึงพอใจ
เคยสักครั้งไหม
ที่เราอยากเปลี่ยนตัวเอง
อยากปรับปรุงตัวเองบ้าง
ไม่ใช่เพียงแค่ให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น
แต่เราอยากเปลี่ยนตัวเอง
เพราะเราอยากเป็นคนรักที่ดีกว่าเดิม
เพื่อคนที่เรารักโดยที่เขาหรือเธอไม่ต้องร้องขอ
เปลี่ยนคนอื่นเปลี่ยนยาก
แต่เปลี่ยนที่ใจเราเปลี่ยนง่าย
และเริ่มต้นได้ทันที
ความเคยชิน
สร้างความชินชา
ความชินชา
สร้างความเฉยชา
ท่านจะแบ่งปันได้อย่างไรในสิ่งที่ท่านไม่มี ?
เราจะมอบความรักที่ดีที่สุดได้อย่างไร
หากเรายังไม่เคยรักตัวเองได้อย่างดีพอ
เราจะสร้างรักที่ “พอดี” และ “ลงตัว” ได้อย่างไร
ในขณะที่เรายังไม่เคยเป็นคนรักที่ “ดีพอ” และ “เหมาะสม” เลย
ความรักคือการให้
แต่ไม่ได้ให้เพราะสงสาร
หรือให้เพราะอีกฝ่ายขาดตกบกพร่อง
เราให้….
เพราะเรามีความสุขที่จะให้
ขณะเดียวกันเราไม่ได้สูญเสียอะไรไปเลย
เพราะเมื่อเราให้
เราจึงได้รับ
ทั้งให้และรับแบบเติมเต็มและสมบูรณ์อยู่แล้ว
โดยที่ความรักในใจไม่เคยพร่องหรือลดลงแม้เพียงนิดเดียว
ดวงตาที่มองเห็นความงาม
จะสัมผัสได้ถึงความรักที่อยู่แวดล้อมตัวเรา
เราปล่อยให้หัวใจของเราดังก้องไปด้วยเสียงด่าทอ
และความคิดที่สกปรกอยู่ตลอดเวลาหรือเปล่า
เมื่อมองออกไปรอบตัว
แล้วพบแต่ฝุ่นควันสกปรก
บางทีอาจถึงเวลาที่คุณต้องเช็ดแว่นตา
ไม่ใช่ด่าทอฟ้าฝนและบรรยากาศรอบตัว
ผมเคยบอกภรรยาเอาไว้ว่า
จะดีใจมากหากผมตายไปก่อน
แล้วรับรู้ได้ว่าเธอสามารถอยู่ได้อย่างมีความสุข
โดยไม่จำเป็นต้องมีผมอยู่ด้วย
ความรักไม่ใช่การผูกติด
แต่คือการเติบโต
ภายใต้ร่มเงาแห่งกันและกัน
ฉันคือใคร ?
ฉันรักเธอมากแค่ไหน ?
เธอรักฉันมากเพียงใด ?
หยุดถามสักครั้ง
แล้วรักกันให้ดีที่สุดดีกว่าไหม ?
ใครคนนั้น
คือคนที่เธอรออยู่หรือเปล่า
ถ้าเธอยังรอ
เธอจะต้องรอต่อไป
โดยไม่รู้คำตอบจากอีกฝ่าย
แต่ถ้าเธอเดินเข้าไป
ถึงแม้ไม่ใช่ใครคนนั้น
อาจไม่ใช่คนที่เธอรอ
เธอก็ยังได้รู้
รู้และไม่ต้องเสียเวลารอคอยใครคนนั้นอีกต่อไป
อย่าได้กลัวที่จะรักเลย
ความรักไม่มีอะไรน่ากลัว
แม้ในวินาทีที่คุณกำลังจะสูญเสียมันไป
มันก็ยังมีเยื่อใยบางอย่างที่สวยงาม
ที่มันเจ็บปวด
เพราะเราเอาใจไปผูกติดกับคำว่าเสียดาย
ที่เสียดาย
เพราะวันเวลาที่ผ่านมา
เรามัวแต่ปรารถนาเพียงความสุข
จนลืมไปว่าอีกด้านของความสุข
ก็คือความทุกข์ที่แนบสนิทอยู่ไม่ห่าง
มีอะไรในชีวิต
ที่รับมาแล้วไม่ต้องเสียไป
อย่ากลัว อย่าลังเลที่จะรัก
แม้รักแล้วไม่สมหวัง
นั่นไม่ใช่ความผิดบาปอะไร
เป็นเพียงความไม่ลงตัวของความรู้สึก
ก็เท่านั้นเอง
กล่องความคิดเห็น
การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่