บทความทั่วไป

:: Interview .. the Blogger :: ~ กะว่าก๋า ~

กะว่าก๋า

 

 

:: Interview .. the Blogger :: ~ กะว่าก๋า ~

 

จัดทำโดย  -  น้องริน Rinsa Yoyolive

 

 







 

กะว่าก๋า ล็อกอินที่คุ้นเคยของเพื่อนๆ ที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าไม่รู้จักเขา
กะว่าก๋า ล็อกอินนี้ที่มีเอกลักษณ์ด้านความสม่ำเสมอของการอัพบล็อกที่หลายคนต่างชื่นชม
กะว่าก๋า ล็อกอินนี้ที่มีเรื่องเล่าหลากหลายให้ข้อคิดผู้คนได้อย่างมากมาย

เขาคนนี้ กะว่าก๋า คือใคร
เขาคนนี้ กะว่าก๋า มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไรในบล็อกแกงค์
และเขาคนนี้ พร้อมจะมาเล่าเรื่องราวและแนวคิดต่างๆ ให้ทุกคนได้รู้จักเขามากขึ้น


ณ พื้นที่แห่งนี้ พร้อมสัมผัสกับเขาหรือยังคะ กับผู้ชายคนนี้ ....

 







ตอนสมัครบล็อกแกงค์ พี่ก๋าอยากได้ชื่อที่ตั้งต้นด้วย ก.ไก่
แล้วชื่อที่แว๊บเข้ามาในหัวครั้งแรกคือคำว่า “ก๋ากั่น” เป็นคำที่ให้ความรู้สึกกวนๆดีเวลาฟัง
ตอนแรกจะใช้คำว่า “กะว่าก๋ากั่น” แต่ดูยาวไป เลยสมัครด้วยชื่อ
“กะว่าก๋า”

ตอนนี้ใครเรียกว่า “กิจ” ไม่ค่อยจะหันแล้วล่ะครับ ถ้าเรียก “ก๋า” หันทันที 555























พี่ก๋าไม่ค่อยได้นับเลยว่ามีกี่บล็อก
นานๆทีจะไปดูในหน้าจัดการบล็อกเสียทีว่าอัพไปกี่บล็อกแล้ว

ข้อมูล ณ วันที่ 26 เมษายน 2556 แจ้งไว้ว่า

จำนวน Group Blog 99 กลุ่ม
จำนวน Blog รวม 3249 Blog



ทั้งหมดเขียนขึ้นด้วยตัวพี่ก๋าเองทุกบล็อกครับ
ถ้าไม่ติดธุระหรือต้องเดินทางไปไหน
พี่ก๋าอัพบล็อกทุกวันในช่วงเช้า ทำต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 7 แล้ว















เคยมีน้องคนหนึ่งถามพี่ก๋าว่าทำอย่างไร
ถึงจะมีคนเข้ามาในบล็อกเยอะๆ
จำได้ดีว่าพี่ก๋าบอกน้องเขาไปว่า

“ให้รู้จักไปทักทายคนอื่นก่อน ถ้าเขาเข้ามาทักทายให้ทักทายกลับ”

เคล็ดลับง่ายๆ แต่ทำยากมากนะครับ คือต้องฝึกฝนตนจนรู้สึกเลยว่านี่คือ “หน้าที่”
เขามีน้ำใจทักทาย ก็ต้องกลับไปทักทายเขา ถ้าทำแบบนี้ได้สม่ำเสมอ เพื่อนบล็อกจะเห็นความจริงใจที่เรามี
หลังจากนั้นการพูดคุย แซว หรือทักทายกันทุกเช้าก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยล่ะครับ

พี่ก๋าไม่มีไอดอลหรือฮีโร่ในใจนะครับในตอนนี้ เมื่อก่อนอาจมีบ้างตามประสา อยากเก่งอย่างคนต้นแบบ
อยากเป็นอย่างเก่ง แต่สุดท้ายแล้วเป็นอย่างที่เราเป็นได้เป็นดีที่สุดครับ











เมื่อก่อนทำเช่นนั้นจริงครับ พี่ก๋าตื่นตี 5 ทุกวัน เพื่ออัพบล็อก แล้วทักทายเพื่อนบล็อก
ด้วยคำว่า “อรุณสวัสดิ์” พร้อมรูปหมิงหมิง ทำแบบนี้มา 3-4 ปีต่อเนื่อง เพิ่งมาหยุดทำเอาต้นปีนี้เอง
เพราะ งานที่ร้านยุ่งมากครับ ทำให้รู้สึกว่าร่างกายไม่เหมือนเดิม เมื่อคิดถึงสุขภาพซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ จึงจำต้องหยุดทักทายเพื่อนบล็อกไปชั่วขณะ ตอนนี้ที่ทำได้คือ พยายามอัพบล็อกทุกเช้า

ซึ่ง อาจจะเปลี่ยนเวลาเป็น 6โมงครึ่ง เมื่ออัพบล็อกเสร็จต้องดูแลหมิงหมิงก่อนไปโรงเรียน ช่วงแต่งตัว ช่วยป้อนข้าวกว่าจะเสร็จก็เกือบ 8 โมงครึ่ง มาดามเป็นคนไปส่ง หมิงหมิงที่โรงเรียน พี่ก๋าเข้ามากินข้าวในบ้าน จากนั้นเริ่มทำงานที่ร้านครับ


จะได้คอมเม้นท์ถึงเพื่อนบล็อกอีกทีก็ช่วงที่ว่างจากงานประจำครับ
ระหว่างวันการเล่นบล็อกและเฟซบุ๊ค เป็นไปตามเวลาที่ว่าง แต่ไม่ได้นั่งดูคอมทั้งวันครับ
เมื่อเสร็จงานก็ดูแลลูกต่อ
กว่าจะได้เล่นจริงจังอีกครั้งก็ตอนที่ลูกหลับ เกือบ 4 ทุ่มครับ
ถ้านับกิจวัตรประจำวัน การเล่นคอมไม่ได้กินเวลามากอย่างที่คิด

พี่ก๋าทำต้นฉบับบล็อกล่วงหน้าเอาไว้เสมอในช่วงที่ว่างจากงาน ถึงเวลาก็แค่อัพโหลด
ไม่ยุ่งมากก็นั่งอ่านหนังสือ วาดพู่กันเดียว เขียนบทกวีอย่างสม่ำเสมอ
ทุกอย่างถ้าจัดเวลาให้ดี เราทำอะไรได้มากมายในแต่ละวันครับ
















ความสุข คือ การทำหน้าที่

ทุกวันนี้พี่ก๋าทำหน้าที่ตามสถานะที่ตนเองเป็นอยู่
เป็นลูกของพ่อแม่ เป็นพ่อของลูก เป็นลูกน้องของพ่อ เป็นเจ้านายของลูกน้อง เป็นสามีของภรรยา เป็นสิ่งต่างๆตามที่คนจะสมมติ
วันที่พี่ก๋ารู้สึกมีความสุขในชีวิต ไม่ใช่วันที่ปราศจากความทุกข์ แต่เป็นวันที่เข้าใจได้ว่าคนทุกคนล้วนต้องพบเจอความทุกข์เหมือนกันทุกคน เพียงแต่ถ้าเราเข้าใจความทุกข์ที่เกิดขึ้น
เราก็เป็นสุขแล้วในวินาทีนั้น
มันไม่เกี่ยวกับว่าเรารวยหรือจน มีคนยกย่องหรือรังเกียจ
เรามองเห็นตัวเราอย่างชัดเจน



รู้ว่าตนเองคิดอะไรอยู่
และได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องดีงามแล้วหรือยัง
“ความสุข” แบบนี้ทำให้ใจอิ่มเอมนะครับ











คนก็เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งเหมือนกันนะครับ
ในทัศนะของพี่ก๋าไม่มีฝ่ายไหนละเอียดอ่อนกว่า
ลึกซึ้งกว่า และแท้จริงกว่า

เหมือนการเดินทางจากเหนือไปใต้ ไม่ว่าจะเดินทางด้วยเท้า ด้วยเรือ
ด้วยเครื่องบิน หรือรถยนต์ มันต่างนำพาเราไปถึงจุดหมายได้ด้วยกันทั้งสิ้น
สิ่งที่แบ่งแยกคนกับสัตว์ไม่ใช่สิ่งที่เราเป็น
แต่คือสิ่งที่เราแสดงออกต่อกันต่างหากครับ












คำถามนี้ตอบยากมากครับ
ต้องถามว่าคนตอบคำถามนี้อยู่ในสถานะใด
ถ้าเป็นพ่อแม่ของคนที่ถูกฆ่า เราคงอยากเห็นฆาตกรได้รับโทษประหาร

ในสังคมของประเทศที่เจริญแล้วไม่สนับสนุนให้มีโทษประหารชีวิตเพราะคิดว่าการฆ่าคนที่ฆ่าเป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
แต่ต้นเหตุของความรุนแรงคืออะไร ? ก็ยังไม่มีใครสามารถตอบได้อย่างชัดแจ้ง เพื่อสกัดกั้นความรุนแรงไม่ให้เกิดขึ้น

พี่ก๋าไม่เห็นด้วยกับโทษประหาร แต่คำถามคือ แล้วเราจะให้ใครมาคอยให้อภัยอีกกี่หน กับคนที่พยายามใช้ความรุนแรงกับคนอื่นอยู่ตลอดเวลาในสังคม ? ฆ่าคนนี้ไป ฆาตกรก็เกิดขึ้นใหม่บนโลกนี้อยู่ดี การฆ่าไม่ได้ทำให้ความรุนแรงหมดไป














หมื่นตาเล่มแรกพิมพ์โดยสำนักพิมพ์กรีนปัญญาญาน
พี่ก๋าตั้งใจอยากให้เป็นหนังสือภาพสี แต่สุดท้ายภาพออกมาเป็นขาวดำ
เล่มนี้จึงทำให้พี่ก๋ารู้สึกว่ามันไม่เป็นไปอย่างที่คิดสักเท่าไหร่

ต่อมาไม่นานหนุ่ยเจ้าของสำนักพิมพ์ a thing ก็โทรมาหา
หนุ่ยไปอ่านหมื่นตาในรูปแบบ forward mail
จากนั้นก็ใช้กูเกิ้ลเสริชหาเบอร์โทรของพี่ก๋า
หนุ่ยบอกว่าเขาชอบหมื่นตาและอยากพิมพ์เป็นหนังสือธรรมทาน
ใช้เวลาไม่นานพี่ก๋าก็เชื่อมั่นในสิ่งที่หนุ่ยจะทำ ความจริงหนุ่ยเป็นนักธุรกิจ
ที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงหนังสือ เหมือนพี่ก๋าที่ไมได้เป็นนักเขียนอาชีพ
แต่เขามีความมุ่งมั่น มีความตั้งใจจริง
ทุกเงื่อนไขที่พี่ก๋าเสนอไปเขารับได้หมดและทำตามที่รับปากไว้จริงๆ






หมื่นตาที่พิมพ์กับ สำนักพิมพ์ a thing
มีทั้งหมด 3 เล่มแล้วครับ
คือ หมื่นตาธรรมะ ตอน หมื่นรู้มิสู้ปล่อยวาง
หมื่นตาธรรมะ ตอน กับความจริงแห่งทุกข์
และเล่มล่าสุดคือ หมื่นตาธรรมะ ตอน สติล้น...พ้นทุกข์


หมื่นตาที่พี่ก๋าเขียนไว้ทั้งหมดมีประมาณ 200 กว่าตอน
และทุกตอนพี่ก๋าอัพบล็อกให้อ่านอย่างต่อเนื่องในบล็อกทุกตอน

หนังสือเป็นเพียงผลพลอยได้
ความตั้งใจ คือ ต้องการอัพลงบล็อกให้อ่านฟรีกันอยู่แล้วครับ















พี่ก๋าไม่ชอบอาหารอะไรที่มีกลิ่นคาว หรือสุกๆดิบๆครับ

ปิดปากปิดปากไม่ใช่แค่ปลานะครับ 555 ทั้งกุ้ง ปู หอย ถ้าทำด้วยวิธีลวกก็จะไม่ค่อยกิน

อาหารแปลกๆจำพวก กบ นก หนู งู ฯลฯ ก็ไม่กินอีกเหมือนกันครับ 555
ไม่ใช่เรื่องความหลังอะไรหรอกครับ แต่เป็นเรื่องของกลิ่นจริงๆ
เหมือนที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลย ก็เพราะไม่ชอบกลิ่น ไม่ชอบรสชาติของมันครับ









อืม...เลือกยากแฮะ 555 ถ้าต้องเลือกก็ขอเลือกแบทแมนล่ะกัน
ชุดดำคงอำพรางพุงได้บ้าง 5555


ฮีโร่ในความหมายของพี่ก๋า ไม่ต้องทำอะไรยิ่งใหญ่แบบ
ปกป้องโลก
แต่คือคนที่รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด
จะมีประโยชน์อะไรถ้าฮีโร่ปราบเหล่าร้ายจนหมดโลก
แต่ขยะในห้องตัวเองยังไม่เคยเก็บกวาดและเอาไปทิ้ง
จะเปลี่ยนแปลงโลกและสังคมไปทำไม
หากยังดูแลพ่อแม่ลูกเมียของตัวเองได้ไม่ดี ฯลฯ

ฮีโร่ที่แท้จริงต้องรับผิดชอบและดูแลตัวเองให้ได้
ก่อนที่จะคิดไปดูแลคนอื่นครับ





















จริงๆก็เด็ดทุกอย่างนะครับ 555

พี่ก๋ากับมาดามเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง อยู่กับลูกตลอดเวลา
ไปไหนไปด้วยอยู่ด้วยกันตลอด ทั้งดื้อ ทั้งซน ทั้งพูดมากช่างถาม
ทุกอย่างคือความฮาได้หมดเลยครับ

เพื่อนๆที่ตามอ่านบล็อกกะว่าก๋ามาตลอด
คงได้อ่านผ่านตาถึงวีรกรรมหมิงหมิงมาไม่มากก็น้อยครับ
เรื่องราวของหมิงหมิงถูกรวบรวมไว้ในกรุ๊ปบล็อก “แสงแรก”
ตั้งแต่วันที่พี่ก๋ารู้ว่ามีลูก บันทึกเรื่องราวต่างๆเอาไว้จนถึงปัจจุบันเลยล่ะครับ













เฟซบุ๊คใช้งานง่ายมากในเรื่องของการลงรูปและการเขียนความคิดแบบสั้นๆ
แต่พี่ก๋าชอบบล็อกแกงค์ในแง่ของการเขียนเรื่องราวแบบต่อเนื่องจริงจัง
ถ้าเปรียบเทียบกันให้เห็นภาพ




เฟซบุ๊คเหมือนการขับรถยนต์
บล็อกแกงค์เหมือนการปั่นจักรยาน

มันมีแง่ดีคนละแบบ แต่ทั้งสองแบบเป็นการเปิดพื้นที่ให้เราได้แสดงตัวตน
และแสดงความคิดเห็นออกมาให้คนอื่นได้รับรู้

สเตตัสที่เพื่อนๆเขียนกันส่วนใหญ่เป็นการบ่นระบายความรู้สึก
ยิ่งช่วงการเมืองเข้มข้น ข้อความก็แรงตามไปด้วย 555

แต่พี่ก๋าใช้การเขียนสเตตัสเป็นพื้นที่แสดงความคิดและทัศนะที่มีกับสิ่งต่างๆ


 

น้อยครั้งมากที่จะเขียน “ระบายความรู้สึก”
พี่ก๋าชอบ “ระบายความคิด” มากกว่า

ทุกวันจึงจะโพสต์คำคมต่างๆที่เขียนไว้ลงไปให้เพื่อนๆได้อ่านได้คิดตามครับ










ก๋าราณีเป็นความบังเอิญที่เกิดขึ้น พอดีมีเพื่อนบล็อกเขียนมาถามมาพูดคุย
พี่ก๋าก็ตอบไปด้วยการ์ตูนหมื่นตาบ้าง เทวดาราฟาเอลบ้าง เป็นกลอนบ้าง
เป็นนิทานและความเรียงบ้าง

จากนั้นคำถามก็ถูกส่งเข้ามาไม่ขาดสาย
พี่ก๋าไม่ใช่ผู้รู้ ไม่ใช่สัพพัญญู แต่ที่ชอบตอบคำถามเพราะทุกครั้งที่ตอบ
พี่ก๋าเองได้เรียนรู้อะไรจากคำตอบของตัวเองเช่นกัน


และทุกคำตอบมักจะไม่ฟันธงแบบขาวจัดดำจัด ไม่ได้บอกให้เชื่อในคำตอบ ไม่ได้บอกว่าคิดแบบนี้ถูก
คิดแบบนี้ผิด มันเป็นเพียงทัศนคติและมุมมองส่วนตัว บางครั้งถามมาตอบไป ได้รับคำตอบสวนกลับมาว่า “ไม่เชื่อ” ก็บ่อยไปครับ 555

นี่คือสิ่งที่พี่ก๋าชอบในการทำบล็อก “ก๋าราณี” นะครับ มีคำถามยากๆส่งมาเรื่อยๆ บางคำถามพี่ก๋าตอบไม่ได้ก็ไปเอาจากถามผู้รู้ ไปค้นมาจากหนังสือบ้าง จากอินเตอร์เน็ตบ้าง บางส่วนก็มาจากประสบการณ์ตรงครับ









วันก่อนมีน้องคนหนึ่งเข้ามาพูดคุยและถามว่า พี่ก๋าได้รางวัลมาทั้งหมดกี่รางวัลแล้ว
พี่ก๋าตอบว่า “ไม่ทราบครับ จำไม่ได้จริงๆ” น้องเขาไม่เชื่อ การทำบล็อกสำหรับพี่ก๋าคือการแบ่งปันความคิด แบ่งปันสิ่งที่เรารู้และมีข้อมูล ความคาดหวังในการทำบล็อกของพี่ก๋า จึงไม่ใช่รางวัล หรือการได้รับการยอมรับการยกย่อง แต่เป็นการที่เราได้คิด ได้เขียน ได้ส่งต่อความคิดที่มีต่อสิ่งต่างๆออกไป แล้วบังเอิญว่ามีคนชอบ มีคนเห็นด้วย

มีคนนำแนวคิดนี้ไปใช้แล้วเกิดประโยชน์กับตนเองและคนรอบข้าง พี่ก๋าคิดว่าวิธีคิดแบบนี้
ทำให้เราไม่กดดันตัวเอง ไม่ต้องไปคาดหวังอะไรในเรื่องของรางวัลหรือการประกวด
เราแค่ทำให้เต็มที่ในส่วนที่เราทำได้ก็พอแล้ว



พี่ก๋าเป็นคนไม่ค่อยชอบฝันไกล เมื่อก่อนเคยเป็น แต่ตอนนี้การเดินช้าๆ เดินเรื่อยๆ
แต่ไม่หยุดเดิน ดูเป็นทางเลือกที่ทำแล้วสบายใจ พี่ก๋าคิดแค่ “วินาที” เราทำดีที่สุดแล้วหรือยัง ไม่ค่อยจดจำอดีตเหมือนเมื่อก่อน
ไม่ คิดถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดเท่านี้ก็เพียงพอแล้วในความรู้สึก พี่ก๋าไม่มีแผนการสำหรับวันนี้ สำหรับพรุ่งนี้หรืออีก 10 ปีข้างหน้า คิดแค่ “วินาที” นี้เท่านั้นจริงๆ



















เขียนในสิ่งที่เราเชื่อ ชอบ ถนัด และรู้จริง
แล้วให้คิดเสมอว่าคนอ่านบล็อกของเราแล้วจะได้ประโยชน์อะไรกลับไป

พี่ก๋ามองเป็นสองแบบ คือใช้บล็อกเป็นพื้นที่บอกเล่าระบายความรู้สึก
กับใช้บล็อกเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิด
พี่ก๋าชอบแบบหลังมากกว่าการเขียนบันทึกความรู้สึกครับ
เพราะความสนุกมักอยู่ที่การได้อ่านคอมเม้นท์ต่างๆที่เพื่อนบล็อกมาเขียนเม้นท์ไว้
แต่ละคนมีมุมมอง และทัศนคติที่แตกต่างกันออกไป อ่านแล้วได้แง่คิดดีดีกลับมาเสมอครับ












“นักปราชญ์” หมายถึง “ผู้รู้”

พี่ก๋าเป็น “ผู้ไม่รู้” จึงไม่ใช่นักปราชญ์ แต่ขอบคุณน้องๆที่เรียกขานด้วยคำนั้น

“นักปราชญ์” ไม่ได้ต่างจากคนธรรมดาเลยครับ
เหมือนเวลาคนบอกว่า “พระ” กับ “ฆราวาส” ต่างกันอย่างไร
ถ้ามองที่รูปลักษณ์และเครื่องนุ่งห่ม
ก็แยกได้ไม่ยากว่าต่างกันอย่างไร
แต่ในความหมายของคำว่า “พระ” ที่พี่ก๋ารู้สึก
คือ ผู้ที่ขจัดความหลงผิดออกไปจากจิตของตนเองได้
ใครที่ทำแบบนี้ได้ คนๆนนั้นก็เป็นพระแล้วไม่ว่าจะมี
รูปลักษณ์อย่างไร หรือนุ่งห่มแบบใด ผู้รู้ก็มาจากผู้ไม่รู้ รู้เมื่อไหร่ก็เป็นปราชญ์

แต่พี่ก๋าเป็นคนธรรมดา ไม่ได้มีความรู้อะไรมากกว่าที่คนธรรมดามี
เพียงแต่นำสิ่งที่ตนรู้อันน้อยนิดมาบอกเล่า มาตอบคำถามแล้วบังเอิญว่าคำตอบนั้น
อาจโดนใจเป็นที่ถูกใจของน้องๆ และนำไปใช้ประโยชน์กับตนเองได้น่ะครับ








ถ้าในความเป็น “เพื่อน” ก็ประทับใจทุกคนเลยครับที่ได้รู้จักกัน ทักทายกัน
ทุกรายชื่อใน friend list ของกะว่าก๋าคือคนสำคัญในความรู้สึกทั้งสิ้นครับ
แม้ไม่ได้ทักทายกันทุกวัน แต่พี่ก๋าไม่เคยลืมและไม่เคยลบรายชื่อเพื่อนออกไป
(เว้น แต่เพื่อนบล็อกที่คนปิดบล็อกไป --- และมีกรณีเดียวที่เคยเข้าใจผิดกัน และพี่ก๋าเลือกที่จะลบชื่อเพื่อนบล็อกคนนั้นออกจากเฟรนด์ลิสต์ แต่ไม่ได้โกรธเคืองไรนะครับ แค่คิดว่าเมื่อทัศนคติไม่ตรงกัน ก็ไม่ควรคุยกันอย่างขุ่นเคืองเท่านั้นเอง)

แต่ถ้าว่ากันด้วยเรื่อง “บล็อก”



พี่ก๋าประทับใจบล็อกพี่แป๋ว SevenDaffodils
ทึ่งในฝีมือการถ่ายภาพของพี่แป๋วมานาน
พูดได้ว่าตามดูรูปภาพของพี่แป๋วมานานมาก
ตามชื่นชมตั้งแต่ในเว็บ multiply จนมาถึงในเฟซบุ๊คและในบล็อกของพี่แป๋ว
สำหรับความรู้สึกตัวเอง พี่แป๋วเป็น “ช่างภาพระดับโลก”
ภาพของพี่แป๋วมีลายเซ็นที่ชัดเจนโดดเด่น มุมมองเฉียบขาดบาดใจมากๆครับ
ไม่นับรวมการเขียนบทกวีประกอบภาพถ่าย งานของพี่แป๋วทั้งภาพถ่ายและบทกวี
ทำให้พี่ก๋านึกถึงคำว่า “น้อยแต่มาก ง่ายแต่งาม” ครับ



บล็อกต่อมาคือบล็อกพี่ฉวี Tristy
นอกจากพี่ฉวีจะเก่งมากในการทำอาหารและขนมแล้ว
การถ่ายภาพนับว่าโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง
ทุกครั้งที่ได้ดูบล็อกอาหารของพี่ฉวี จะรู้สึกเหมือนได้ชมบล็อกศิลปะไปด้วย

บล็อกที่ชื่นชมมากอีกบล็อก คือบล็อกของ ลุงแว่น
คุณลุงแว่นไม่ได้อัพบล็อกแล้ว หายไปจากโลกไซเบอร์
แต่พี่ก๋ายังจำกลอนต่างๆที่คุณลุงแว่นเขียนเอาไว้ได้ดี
เป็นกลอนที่มีพลัง ใช้คำได้อย่างโดดเด่นจริงๆ

ฯลฯ

บล็อกที่พี่ก๋าชื่นชมจึงมักเป็นบล็อกที่เกี่ยวกับศิลปะ ภาพถ่ายและงานเขียนนะครับ
ในบล็อกแกงค์เรามีเพื่อนบล็อกที่เก่งกาจสามารถมากมาย ถ้าให้พี่ก๋าเขียนถึงคงเขียนได้เกิน 50 บล็อกครับ 5555
 

สุดยอดสุดยอดสุดยอด







ก็ ขอขอบคุณจากใจจริงๆนะครับ สำหรับเพื่อนๆทุกคนที่ติดตามอ่านบล็อกของกะว่าก๋ามาโดยตลอด ขอบคุณที่เข้ามาทักทายกันสม่ำเสมอ แม้ว่าเพื่อนบล็อกจะหนีไปเฟซบุ๊คกันมากแค่ไหน
แต่พี่ก๋ายังเชื่อว่าบ้านที่ชื่อว่า “บล็อกแกงค์” ยังคงอบอุ่นเสมอครับ

ต้อง ขอขอบคุณทีมงานบล็อกแกงค์ด้วยครับที่ทำเว็บดีดี เปิดพื้นที่ให้เราได้แสดงความคิดและตัวตนตลอดจนความรู้สึกในใจเขียนออกมา เป็นบล็อกเพื่อแบ่งปันกันให้ได้อ่าน




กะว่าก๋า เขาคนนี้ที่ทำให้ใครหลายคนยิ้มไปกับคำถาม และยิ้มไปกับตอบที่ได้อ่าน
แม้จะเป็นคำถามทั่วไป หรือจะตรงใจในสายใครใครก็ตาม
แต่สุดท้ายแล้ว พี่ก๋า คนนี้ ก็ยังโดดเด่นในความรู้สึกของเหล่าบล็อกเกอร์ในยุคปัจจุบัน

บทสัมภาษณ์บล็อกนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่พี่ก๋าได้พูดคุยและสร้างแนวคิดเพิ่มขึ้น
ซึ่งในทุกวันพี่ก๋าจะมีข้อคิดต่างๆ เพิ่มมาตลอด รินก็เชื่อว่า หลายคนได้อ่าน
ก็จะยิ้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

ขอบคุณพี่ก๋ามากๆค่ะ ที่ให้เกียรติได้ให้สัมภาษณ์ในครั้งนี้ พอสัมภาษณ์จบลง
ความรู้สึกรักบล็อก และพื้นที่แห่งนี้เพิ่มขึ้นอีกเป็นทวีคูณ ^^


**กะว่าก๋า**











ขอขอบคุณที่ปรึกษาโครงการ
Interview .., the Blogger 2013


น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา
มัชชาร
**mp5**


อีกทั้งมีเพื่อนบล็อกที่ช่วยกันร่วมตั้งคำถาม
โจนบ้ากับป้าแก่ๆ / เป็ดสวรรค์ / ชีริว / เสือย้อมแมว / ~ ริมน้ำ_voUฟ้า ~ (rimnam_kobfa

ของแต่งบล็อกจาก เนยสีฟ้า

และขอบคุณทุก ๆ กำลังใจจากเพื่อนๆ ทุกคน
ที่คอยติดตามผลงานกันมาตลอด หากผิดพลาดประการใด
ตกหล่นเรื่องไหน ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

หวังเป็นอย่างยิ่งที่บล็อกสัมภาษณ์นี้จะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องต่อไป

ขอบคุณค่ะ ^^



 

 

 

 

กล่องความคิดเห็น

การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่