:: ก๋าราณีตอบคำถามน้องอร ::
คนสองคนมีมุมมองที่ต่างกัน
- คนหนึ่งมองไกลไปถึงอนาคตอันยาว
- คนหนึ่งมองว่าวันนี้กับพรุ่งนี้สำคัญกว่า
ใึครๆก็บอกว่าอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน
คนที่มองไกลบอกว่า
"เค้ารู้และมั่นใจว่าเค้าทำได้ ความหวังและความสามารถคือพลังของเขา"
คนที่มองวันนี้กับพรุ่งนี้ถามกลับว่า
"แล้วจะเอาอะไรมาเป็นประกันล่ะ
ฉันอยากอยู่กับวันนี้และำพรุ่งนี้ให้มีความสุขที่สุด"
คุณก๋าพอจะตอบได้ไหมคะว่า
1. คิดแบบไหนดี
2. และสองคนที่มองต่างมุมแบบนี้จะอยู่ด้วยกันให้มีความสุขได้อย่่างไร
คำถามโดย : thaispicy
*******************************
สวัสดีครับน้องอร
เมื่อวันก่อนผมอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง
เป็นหลักคำสอนของหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ
ท่านเป็นพระที่อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้
แต่การเข้าถึงธรรมของท่าน
เป็นไปด้วยความเรียบง่ายเป็นอย่างยิ่ง
........................
ท่านให้เราดูมือตัวเองครับ
ยกมือขวาวางไว้ที่หน้าขา แล้วค่อยๆพลิกสันมือตั้งขึ้น
จากนั้นค่อยๆยกมือขึ้น แล้วนำฝ่ามือมาวางที่หน้าท้อง
ทำเช่นเดียวกันกับมือข้างซ้าย.....
ทำไปทำไม ?
....................................
หลายครั้งที่เรามักเบื่อหน่ายธรรมะ หรือ การปฏิบัติธรรม
เช่น การนั่งสมาธิและการเดินจงกรม
เรามักเกิดความสงสัยว่า ทำไปทำไม ?
เช่นเดียวกัน มือก็เป็นมือ
ไปนั่งจ้องมันทำไม ? จ้องแล้วเห็นอะไร ?
คำตอบคือ เขาไม่ได้ให้นั่งจ้องเพื่อให้เห็นอะไร
แต่เพื่อให้ “รู้ตัวและตื่นรู้” ครับ
รู้อะไร ---- รู้ใน “ปัจจุบันขณะ”
เพราะคนเราทุกวันนี้ทุกข์เพราะมัวแต่ไปคิดถึงอดีต...
“อดีต” ซึ่งเราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก
และทุกข์เนื่องจากกังวลกับ “อนาคต”...
“อนาคต” ซึ่งยังมาไม่ถึง
ถึงได้มีการดึงจิตของเรากลับมาที่ “ปัจจุบันขณะ”
เลี้ยงลูก ก็ให้รู้ว่า เลี้ยงลูก
วาดรูป ก็ให้รู้ว่า วาดรูป
จะกิน นอน นั่งเดิน ขับถ่าย ทำงาน ทำสวน
ปกครองบ้านเมือง เป็นผู้นำประเทศ กวาดขยะ ฯลฯ
ต้องทำทุกสิ่งแบบ “รู้ตัวทั่วพร้อม”
ไม่ใช่ขณะปกครองบ้านเมือง กลับไปยึดหลงมัวเมาอยู่กับอำนาจ
วาดรูป แต่ไพล่ไปคิดถึงเรื่องการทำกับข้าว
เลี้ยงลูก แต่ใจไปห่วงแต่กับละคร
มีความรัก แต่กลับไปยึดติดกับการหึงหวงครอบครอง
ฯลฯ
.........................................
น้องอรถามผมว่า
คนที่คิดแบบไหนดีกว่ากัน
ระหว่างคนที่…
- คนหนึ่งมองไกลไปถึงอนาคตอันยาว
- คนหนึ่งมองว่าวันนี้กับพรุ่งนี้สำคัญกว่า
ผมไม่เลือกทั้งสองคน....
....คนมองไกลไปถึงอนาคต
ย่อมประมาทกับการใช้ชีวิตในปัจจุบันขณะ
เราจะไปมัวแต่ฝันถึง “เงินร้อยล้าน” ในอากาศทำไม
ในเมื่อเงินพันบาทยังอยู่ในกำมือของเรา
....คนที่มองว่าวันนี้และวันพรุ่งนี้สำคัญ
ย่อมติดยึดในความสำคัญของ “วัน”
วันนี้...เมื่อผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง
กลายเป็น “วันพรุ่งนี้”
“วันพรุ่งนี้” ผ่านไปไม่กี่วัน กลายเป็นเดือน เป็นปี....
“ปัจจุบัน” ในพริบตาเดียว
มันกลายเป็น “อดีต” แล้วนะครับ.....
...................................
“ความสุขที่แท้จริง” จึงมิได้เกิดจากใจที่ยึดติดใน “อดีตอันหอมหวาน”
เพราะเมื่อไหร่ที่เราคิดแบบนี้ ปัจจุบันขณะของเราจะตกอยู่ในห้วงทุกข์ทันที
ถ้ามัวแต่คิดว่า...เมื่อก่อนฉันเคยมีความรักที่สดชื่นเบิกบาน
แน่นอน...เราย่อมอดที่จะนำมันมาเปรียบเทียบกับรักครั้งใหม่ในปัจจุบันไม่ได้
ถ้ามัวแต่คิดว่า...เมื่อก่อนฉันเคยสวย เคยรวย เคยเก่ง เคยมีคนยอมรับ
ถามว่าสภาวะนั้นมันคงอยู่ตลอดไปหรือไม่...ก็เปล่า
สิ่งต่างๆเหล่านั้นเสื่อมสลายไปพร้อมๆกับเหตุปัจจัยและวันเวลาเสมอ
อย่างไม่มีข้อยกเว้นใดใด
และคนที่คิดแต่ว่าอนาคตฉันจะดี ฉันจะต้องรุ่งโรจน์
ผมว่ามันจะทำให้เขากดดันปัจจุบันขณะ....
ด้วยการรีด เค้น และตั้งความหวังไว้สูงเกินไป
เมื่อทำแล้วไม่ได้ดั่งใจก็ผิดหวังรุนแรง
และอาจลุกลามไปถึงขั้นยอมรับ “ความจริง ณ ปัจจุบัน” ไม่ได้
.................................
การนั่งสมาธิ การเดินจงกลม การเพ่งวิปัสสนา
การดูฝ่ามือ การตามลมหายใจ ฯลฯ
ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหน….
ผมคิดว่าเราไม่ได้ทำเพื่อ “หาสิ่งที่ปาฏิหาริย์” นะครับ
หากแต่ปลดปล่อยตัวเองออกจากสิ่งที่ร้อยรัดอิสรภาพทางความคิดของเรา
ทุกวิธีเป็นเพียง “หนทางหนึ่ง”
ที่ดึงตัวเราให้กลับมาอยู่กับห้วงเวลา “ปัจจุบัน” อย่างแท้จริง
เพราะมีแต่ปัจจุบันเท่านั้นที่เราต้องรักษาไว้ให้ดีที่สุด
เพื่อมันจะได้กลายเป็นอดีตที่ดีที่สุด
และก้าวข้ามผ่านไปเป็นอนาคตที่ดีที่สุดเฉกเช่นเดียวกัน.
กล่องความคิดเห็น
การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่