:: ก๋าราณีตอบคำถามน้องดี ::
ดอกทานตะวันตายแล้ว...
ในวันที่ทานตะวันบานสะพรั่ง เธอโดดเด่นเป็นสง่า
และเมื่อถึงวันที่ความตายมาเยือน เธอก็ยังสง่างามไม่แพ้กัน
หลังความตายของดอกทานตะวัน
คือการเก็บเกี่ยวเมล็ดเป็นอาหาร
แล้วหลังความตายของเราคืออะไร
จากนี้และต่อไป...
เราจะทำอย่างไร
ให้หลังการตายของเรานั้นงดงามและมีความหมาย
คำถามโดย : d__d (มัชชาร )
***********************
ดอกทานตะวันตายแล้ว
ดอกทานตะวันยังไม่ตาย
ดอกทานตะวันตายแล้ว
ดอกทานตะวันยังไม่โรย
ดอกทานตะวันตายแล้ว
ดอกทานตะวันกำลังบาน
ดอกทานตะวันตายแล้ว
ดอกทานตะวันเป็นเมล็ด
เมล็ดทานตะวัน
กำลังงอกเป็นต้นทานตะวัน
ต้นทานตะวันกำลังออกดอก
ดอกทานตะวันกำลังบาน
เมื่อบานแล้วร่วงโรย
ดอกทานตะวันยังไม่ตาย
ที่เราเห็นว่าดอกทานตะวันตายแล้ว
นั่นเป็นเพียงสิ่งที่สายตาเรามองเห็นเท่านั้น
หลายๆครั้งที่พอเรามองไม่เห็นด้วยตา
เรารีบด่วนตัดสินสิ่งนั้นว่าไม่มีอยู่จริง....
น้องดีถามพี่ก๋าว่าคนเราตายแล้วไปไหน ?
แต่พี่ก๋าอยากให้น้องดีถามตัวเองว่า
“เราเกิดมาทำไม ?” เสียก่อน
เพราะคำถามนี้จะทำให้เรารู้ว่า
แท้จริงแล้วมนุษย์เราเกิดมาก็เพื่อ “ทำหน้าที่” เท่านั้นเอง
ทำหน้าที่อะไร ?
ทำหน้าที่ตามที่ตัวเองเป็น ....
เป็นหมู เป็นหมา เป็นแมว
ก็ทำหน้าที่แบบสัตว์
เป็นคน เป็นกษัตริย์ เป็นครู เป็นทหาร เป็นผู้ชาย เป็นหญิง ฯลฯ
เป็นอะไร ก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
ดีที่สุด คือ ดีอย่างไร ?
คือต้องรู้ว่าอายุขัยเรานี้ต่างมีอายุเพียงสั้นๆ
เกิดมาแล้วแล้วเพียรทำความดี ใช้ชีวิตให้มีความสุข
อยู่กับความเป็นจริงที่หนีไม่พ้นแน่ๆก็คือ เราต้องเกิด เราต้องเจ็บ เราต้องแก่ และเราต้องตาย
ทุกสิ่งที่เรามีอยู่ล้วนไม่สามารถยึดฉวยมันไว้ได้ตลอดไป
แม้แต่ความเป็นนายก๋า น้องดี พี่สมร อรอนงค์
หรือธงธง ม๊กจ๊ก ฯลฯ
แม้แต่ความเป็นกษัตริย์มหาราช แม้แต่พระบรมศาสดา
ย่อมมิต่างอะไรกับการแตกดับในสังขาร
เฉกเช่นเดียวกับขอทาน คนพิการ หรือแม้แต่หมูหมากาไก่.....
เมื่อเรารู้ว่า “เราเกิดมาเพื่อทำหน้าที่”....
ก็ทำไปสิ ทำตามหน้าที่....
ทำให้ดี อย่าดีแต่ทำ
คิดให้ดี อย่าดีแต่คิด
พูดให้ดี อย่าดีพูด
คิด พูด ทำ --- สามอย่างนี้
ถ้าเราดูแลมันให้ดีได้.... ชีวิตเป็นสุขแน่นอน
เราไม่จำเป็นต้องสนใจในสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความตายของเราเลย
ถ้าเราดูแลรักษา “ปัจจุบันขณะ” ของเราให้ดีที่สุด
มันจะดูแลอนาคตของเราเอง
การใช้ชีวิตแบบ ปฏิเสธดี ปฏิเสธชั่ว
สำหรับพี่ก๋ามันไม่ต่างอะไรกับการทำให้ตัวเองกลายเป็นก้อนหินที่ไม่รับรู้ความรู้สึก
กิเลสที่ผ่านเข้ามายั่วเย้าเป็นเหมือนครูฝึกวิธีคิดของเราครับ
คนดีไม่ได้แปลว่าไม่เคยทำชั่ว
แต่เป็นคนที่เคยทำชั่ว รู้จักชั่ว และไม่คิดหวนกลับไปข้องแวะกับมันอีก
“ความตาย” ก็เหมือนกัน
มันเป็นครูสอนให้เรารู้ว่า
ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ทุกข์
ชื่อเสียง เงินทอง ตัวตน
คนรัก สัตว์เลี้ยง ฯลฯ
ทุกสิ่งที่เราทำ ทุกสิ่งที่เรามี
....ถึงวันหนึ่ง
....ความตายก็เรียกมันคืนกลับจนหมด
ความตายย้ำแล้วย้ำอีกกับเราว่า
“ชีวิตคือความไม่แน่นอน”
คิด ทำ พูดอะไรอย่ามัวแต่รอ
บางคนชอบพูดคำว่า
“เดี๋ยวก่อน....”
เพราะคิดแบบนี้
วินาทีใดที่ความตายจู่โจมแบบไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัว
จึงได้แต่นั่งเสียใจในสิ่งที่คิดไว้แต่ยังไม่ได้ทำ
ความตาย ไม่ใช่เรื่องเศร้า
แต่ความพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักต่างหากที่ทำให้เราเศร้า
หวนคิดถึงความจริงในข้อนี้
มีใครปฏิเสธความจริงได้บ้างเล่า
ว่าชีวิตมนุษย์เป็นทุกข์เสมอ
เมื่อต้องพลัดพรากและสูญเสียจากสิ่งหรือบุคคลอันเป็นที่รัก
เราต้องจากกันไม่ช้าก็เร็ว
ไม่จากกันวันนี้ก็จากกันในวันหน้า
ไม่จากเป็น ก็จากตาย....
น้องดีถามว่า.....
ดอกทานตะวันตายแล้ว
บางทีพี่ก๋าว่ามันไม่ได้ตายนะครับ
ถ้าดอกทานตะวันดอกนั้นสวยงามและเบ่งบาน
มันจะไม่มีวันตาย…..
หากแต่เบิกบานอวดดอกงามอยู่ใน “ใจ” ของเราตลอดไป
กล่องความคิดเห็น
การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่