บทความทั่วไป

:: ก๋าราณีตอบคำถามคุณรายารีย์ ::

กะว่าก๋า

ผมก็มีคำถามข้องใจเหมือนกันคับ
ในฐานะที่เรากินเนื้อสัตว์เกือบทุกชนิดไม่ว่าเล็กหรือใหญ่
ไม่ว่าบาปมากหรือน้อย แม้ไม่ได้ฆ่าเองก็มีส่วนส่งเสริมให้ฆ่า
เราจะทำอย่างไรให้หายบาปได้ไม๊คับ สงสัยจริง ๆ
ไม่งั้นเราก็คงต้องเป็นคนบาปอย่างงี้ตลอดปีตลอดชาติเลยซีคับ

นี่เป็นคำถามจากคนเกือบไม่หล่อ ^_^

 

 



คำถามโดย : รายารีย์








*****************************





สวัสดีครับคุณรายารีย์


บาปคืออะไรครับ ?

สำหรับผมบาปคือ “ความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นในความรู้สึกของเรา”
ไม่ต่างกับ “ศาสนา” ……
คือเป็นสิ่งที่เรารู้สึกได้โดยไม่ต้องให้ใครมาบอกสอน

ศาสนาที่แท้จริงของผม
คือ เมื่อเราทำสิ่งใดแล้วเรามีความสุขใจ
ไม่ทำร้ายทำลายผู้อื่นทั้งทางใจและทางกาย
คิดดี ทำดี พูดดี...

นั่นคือศาสนาแล้ว...โดยไม่จำเป็นต้องแบ่งเขา-เรา
โดยไม่ต้องสวมเสื้อหรือเชื่อมั่นในศาสดาองค์ใด



…………………………..

 

 



“บาป” เกิดขึ้นที่ใด ?
เกิดขึ้นที่ “ใจ” ใช่ไหมครับ ?

ผมเคยอ่านสัมภาษณ์มือปืนที่ฆ่าคนตายมาหลายศพ
ถามว่าเขารู้ไหมว่าเขาทำเลว...ฆ่าคนทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ทำสิ่งชั่วร้ายลงไปเพียงเพื่อ “เงิน” ตัวเดียว

เขาบอกเขารู้ครับ....
แต่ที่ยังทำเพราะเขาทำจนมันกลายเป็น “ความเคยชิน”
รู้ว่าทำสิ่งไม่ดี ทำชั่ว แต่ยังทำ
....ทำเพราะความเคยชิน

บาป...มันน่ากลัวตรงนี้แหละครับ
คือ เรารู้ว่าทำสิ่งไม่ดี แต่ยังทำ
ทำเพราะความเคยชิน หรือเพราะทนความยั่วเย้าของกิเลสไม่ไหว


 

 


………………………………………

 

 



เราจะออกจาก “บาปเวร” ที่เราได้กระทำได้อย่างไร


ไม่ใช่เรื่องง่าย....ตราบใดที่เรายังคงมีตัวตน
และเวียนว่ายตายเกิดไม่สุดสิ้นในวัฎสังสาร
“สังสารวัฎ” คือการท่องเที่ยวไปในชาติภพ

เมื่อเราตาย….
จิตเราไม่ได้ตาย เพียงแต่เปลี่ยนสภาวะ
เหมือนไฟฟ้าซึ่งเป็นพลังงาน
เข้าหลอดไฟก็เปล่งแสง เข้าตู้เย็นก็สร้างความเย็น

“จิต” ของเราก็เช่นเดียวกัน
เข้าสู่ร่างมนุษย์ก็เป็นมนุษย์ เข้าร่างหมาก็เป็นหมา

การเกิดเป็นเรื่องของการเวียนว่าย
เราเกิดเพราะเรายังติดอยู่ในความอยาก ความโลภ ความโกรธ ความหลง

เมื่อจิตโดนร้อยรัด จึงถูกล่อหลอกให้ต้องเกิดตายไม่รู้จักจบสิ้น

ยังติดสุข ติดดี ติดชั่ว ติดความอยากในการครอบครอง
ยังอยากเกิดเป็นเขา – เรา ยังอยากเป็นคนรวย เป็นกษัตริย์
เป็นโจร เป็นพระ เป็นสัตว์ เป็นสิ่งของ

เมื่อมีตัวตน ก็เกิดความคิดปรุงแต่ง
เมื่อเกิดความคิดก็เกิดการพูด เกิดการกระทำ
กระทำซ้ำๆจนกลายเป็น “กรรม”
กรรมที่ไม่ต่างอะไรกับบูมเมอแรง
เราขว้างอะไรออกไป มันก็ย้อนกลับมาหาเราเช่นนั้น
เราทำความเลว ความเลวก็ย้อนคืนกลับมา
เราทำบาป บาปนั้นก็เข้าเกาะกุมใจและทำให้เราหดหู่ หวาดกลัวและไม่มีความสุขในการใช้ชีวิต

วิธีอยู่เหนือไปให้พ้นจาก “บาป” คือต้องไร้ตัวตน
ไร้ตัวตนที่ไม่ได้หมายความว่าเราตายดับไม่เหลือ
แต่หมายความว่าเราจะต้องเข้าสู่สภาวะ “ว่าง”
ว่างแบบสุญญตาภาวะ
คือเป็นหนึ่งเดียวกับสภาวะของพระเจ้า อันเป็นพระผู้สร้าง






...................................

 

 



โลกที่ผมรู้จักมีเพียง 2 โลก คือ



1. โลกแบบโลกุตระธรรม

อันมีสภาวะว่าง แต่เปี่ยมไปด้วยพลังงาน
สามารถสร้างสิ่งต่างๆมากมายให้เกิดขึ้น สร้างเดือนดาว
สร้างคน สัตว์ สิ่งของ ให้เกิดขึ้นและตั้งอยู่ ดับไป
ภายใต้กฎของโลกธรรม คือไม่มีสิ่งใดที่เที่ยงแท้เลย
ทุกสิ่งที่โลกุตระสร้างขึ้น --- ล้วนมีความเสื่อมเป็นที่ตั้งทั้งสิ้น
โลกุตระซึ่งตั้งอยู่เหนือเหตุเหนือผล
เกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้
จะแตกดับไปเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้....
อยู่เหนือกาลเวลา อยู่เหนือสติปัญญาและจินตนาการของมนุษย์ที่จะคาดหยั่งถึง




2. โลกธรรม



คือสิ่งที่โลกกุตระธรรมสร้างขึ้น
ในรูปของคน สัตว์ สิ่งของ
อะไรที่ถูกสร้างขึ้นล้วนไม่เที่ยง
มีความเสื่อมเป็นที่ตั้ง
อยู่ในกฎไตรลักษณ์คือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเหมือนกันทั้งหมดทั้งสิ้น


ปัญหาคือ เรามักไปหลงผิดคิดว่าโลกธรรมนี้ยั่งยืน
คิดว่ากายนี้เที่ยง ทรัพย์สมบัติเป็นของเรา
ความรักของเราจะต้องคงอยู่ตลอดเวลา ฯลฯ
พอมันเปลี่ยนแปลงไป หรือไม่เป็นไปตามที่คิดก็เกิดความทุกข์


การไปให้พ้นจากบาปเวรคือเราต้องเข้าสู่นิพพาน
หรือเข้าสู่สภาวะโลกุตระนั่นเอง



.....ด้วยวิธีใด

ด้วยการเข้าถึง “สัจธรรมแห่งชีวิต”
ให้รู้ว่าทุกสิ่งที่เรารู้นั้น ไม่ใช่สิ่งที่เที่ยงแท้เลย
การปล่อยวางสิ่งที่เรารู้ต่างหาก
จะนำเราเข้าสู่สภาวธรรมอันสูงสุด


และเมื่อเราไร้รูปลักษณ์ และไร้ตัวตน
“บาปเวร” จะเข้าเกาะกุมเราได้อย่างไร ?

 

 

กล่องความคิดเห็น

การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่