:: ก๋าราณีตอบคำถามคุณปุ๊ก ::
1. การซื้อบุญด้วยจำนวนเงินมาก แนวคิดคล้ายแชร์ลูกโซ่
อย่างที่เค๊าทำ กรณ. คิดเห็นยังไงกันคะ
2. แนวคิดที่ว่าต้องยิ่งใหญ่ให้โลกประจักษ์
ศาสนาจึงจะเจริญเหมือนจรวดทะยานขึ้นอวกาศ มันจะยั่งยืนจริงป่ะ
3. หลักธรรมดั้งเดิมของพุทธศาสนากับแนวทางที่นี่ มันสวนทางกันหรือเปล่า?
4. หลักการจัดการกับจำนวนคนหลักแสนขึ้นให้มีระเบียบวินัยและเชื่อผู้นำอย่างแน่วแน่อย่างนี้
กรณ. คิดว่า "ม๊อบ" ควรจัดคลาสไปดูงานที่นี่ดีมั๊ยคะ
5. ที่นี่เค๊าคัดคนป่ะคะ มีทั้งผู้ทรงภูมิปัญญา บารมี มากด้วยทรัพย์ศฤงคาร
6. การหลงมัวเมา กะ ความศรัทธา แตกต่างกันอย่างไร?
7. เงินเดือนครึ่งต่อครึ่ง โบนัสทั้งเดือน เงินเก็บทั้งก้อน
กับความคิด “ทำมากได้มาก” ถูกต้องหรือเปล่า
คำถามโดย : ดาวทะเล
*************************************
สวัสดีครับคุณปุ๊ก
รับคำถามคุณดาวมาครั้งแรก
ผมลังเลอยู่นานสองนานว่าควรตอบคำถามนี้ดีหรือไม่ ?
เพราะมันเกี่ยวข้องกับความเชื่อของคนหมู่มาก
ขึ้นชื่อว่า “ความเชื่อ” มันไม่มีถูกผิดนะครับ
เพราะ “ความเชื่อ” นำไปสู่ “ศรัทธา”
“ศรัทธา” นำไปสู่การเลือกเส้นทางเดินของชีวิต
การที่เราชอบทานเผ็ด ไม่ได้หมายความว่าคนทั้งโลกจะต้องชอบแกงเผ็ดเหมือนเรา
เขาอาจชอบแกงจืด ผัดฉ่า หรือ บะหมี่หมูแดง
อาหารที่เราว่าอร่อยลิ้น อาจเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นลิ้นสำหรับใครหลายคน
.....................................
เมื่อสักประมาณอาทิตย์ที่แล้ว
มีไกด์นำลูกค้ามาที่ร้าน ผมออกไปทักทายตามปกติ
อยู่ๆไกด์คนนี้นั่งหลับตาแล้วพูดขึ้นมาว่า
“คุณมีพื้นฐานทางธรรมที่ดีเลยน่ะ แต่คุณไม่ได้เชื่อเหมือนที่ผมเชื่อ”
ผมรู้สึกแปลกใจ เพราะเราไม่เคยคุยกันเรื่องธรรมะหรือความชอบส่วนตัวอะไรใดใดของผมมาก่อน
ไกด์คนนี้พูดต่อ
“คุณเป็นคนไม่เชื่อในอิทธิปาฏิหาริย์ใดทั้งสิ้น”
ผมยิ้มๆและไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร
ไกด์คนนี้เขาบอกว่าเขาชอบไปเรียนวิปัสสนาและตะลอนไปทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ
เพื่อไปพบและกราบไหว้พระเกจิอาจารย์ดังๆทั่วฟ้าเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่แหวน
หลวงปู่ขาว หลวงปู่พูล หลวงพ่อคูณ ฯลฯ
เรียกว่าเกจิอาจารย์องค์ไหนดังไกด์คนนี้ไปพบไปกราบไหว้มาแล้วทั้งสิ้น
“ผมนั่งสมาธิตลอด แต่คุณมีสมาธิโดยที่ไม่เคยนั่ง
ถ้าคุณฝึกอีกหน่อย ไปโลดเลย”
ไกด์อาวุโสบอกกับผมไว้อย่างนั้น....
...........................................
คุณปุ๊กครับ
ถ้าผมบอกว่า “ผัดเผ็ดหมูป่า” เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก
คุณจะเชื่อผมมั้ยครับ ?.....
แน่นอนถ้าคุณทานเผ็ดเก่ง ผัดเผ็ดหมูป่าจานนี้อาจเป็นอาหารที่อร่อย
แต่ถ้าคุณปุ๊กทานมังสวิรัติ..... "ผัดเผ็ดหมูป่า” จานนี้คงไร้ค่าในสายตาคุณ....
...........................................
บุญที่ต้องใช้เงินซื้อ ผมเรียกว่า “บุญวาสนา”
เป็นบุญที่ทำเพื่อหวังสิ่งตอบแทน
เช่น บริจาคเงินสร้างพระ เพื่อร้องขออ้อนวอนให้ได้รับพรหรือสิ่งดีดีตอบกลับมา
บุญแบบนี้เป็นเหมือนการสะสมเงินในธนาคาร
ให้ไปเท่าไหร่ ก็คืนกลับมาเป็นสิ่งดีดีต่อเนื่อง
แต่ “บุญวาสนา” แบบนี้ก็ส่งผลทำให้เรายึดติดใน “ความดี” ที่เราทำ
"ทำบุญหวังผล" ---- วิธีคิดแบบนี้ทำให้เรายึดติดใน “บุญ”
ยึดติดใน “ความดี” ที่ตัวเราทำ
มันทำให้เราต้องมาเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จักจบจักสิ้น
และหวังว่าชาติต่อไปจะเกิดในภพภูมิที่ดี ร่ำรวย มีชาติตระกูลที่ดี
มีความสุขสบาย
แต่ในความจริงต่อให้คุณเกิดเป็นกษัตริย์ คุณก็ต้องพบเจอกับความทุกข์อันหลีกหนีไม่พ้น
ทุกข์จากการเกิด ทุกข์จากการแก่ ทุกข์จากโรคภัยไข้เจ็บ
ทุกข์จากความตาย และทุกข์จากการพลัดพรากจากทุกสิ่งอันเป็นที่รัก
“บุญวาสนา” จึงแตกต่างจาก “บุญกุศล”
“บุญกุศล” ไม่จำเป็นต้องควักเงินจ่าย
การให้จากใจเป็นการลดทอนความเห็นแก่ตัวในใจของเรา
ไม่ใช่ยิ่งให้ ยิ่งหวังผลตอบแทน
บุญกุศลจะทำให้การให้ของเราเป็นการฝึก “จิต” ของตัวเราเอง
ให้รู้แจ้งว่าทั้งเราและเขาต่างเกิดมาจาก “ธรรมชาติ” อันเป็นหนึ่งเดียว
เกิดมาเพื่อใช้ชีวิต ทำหน้าที่ตามแต่ที่ได้รับมอบหมาย
เป็นหมา เป็นคน เป็นก้อนหิน ต้นไม้ ใบหญ้า ฯลฯ
มีอายุที่ต้องเสื่อม มีเหตุปัจจัยที่ทำให้ต้องเสื่อมสลาย
ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
บุญกุศลจึงสร้างได้ด้วยการทำ “ปัญญา”ให้รู้แจ้งถึงความจริงข้อนี้
รู้ความเท่าเทียมกันของสรรพชีวิต
รู้ว่าเราเขาล้วนไม่ต่างกัน
ต่างต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนกันทั้งหมดทั้งสิ้น
“บุญ” สำหรับผม....คือการสร้างบุญกุศลที่จิตใจของเราเอง
ส่วนใครจะให้ยังไง เท่าไหร่ ผมไม่รู้
ผมรู้แต่ผมให้ด้วยใจที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน
ให้เพื่อลดทอนความเห็นแก่ตัวในใจของผมเอง
..........................................
สวรรค์ และ นรก สำหรับผม
เป็นเพียง “จินตทัศน์”
หรือสิ่งที่มนุษย์เราอธิบายไว้
เพื่อให้คนหมู่มากซึ่งมีความแตกต่างในการรับรู้
เข้าใจภาพของสภาพจิตใจได้ดียิ่งขึ้น
เป็นเพียงการสมมติของจิต...
แบ่งแยกสวรรค์เป็นลำดับชั้นเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย
แบ่งแยกนรกเป็นขุมเพื่อให้คนมองภาพตามได้และมีความเกรงกลัวในการคิดจะทำบาปเวร
ส่วนใครจะเชื่อหรือยึดมั่นใดใดนั้น
ผมไม่ขอออกความคิดเห็นในประเด็นนี้ครับ
เพราะมันไม่ต่างอะไรกับการถามตัวผมเองว่า
“ไปเชียงใหม่ไปยังไงดี ?”
เพราะวิธีเดินทางมันมีร้อยแปดพันประการ
สุดแต่ “จริต” และ “ความชอบ” ของใครจะเลือกทำ
.................................................
การทำบุญแบบไม่ยั้งคิด
ให้หมดไม่เหลือจนครอบครัวเดือดร้อน
เพียงเพราะเชื่อว่า “บุญ” จะนำพาเราไปสู่สวรรค์
เป็นวิธีคิดแบบใช้ธรรมะบังหน้าเพื่อทำการค้า
หากินบนความเชื่อของมนุษย์
สวรรค์ที่แท้จริงอยู่ในตัวเรา
เมื่อเราทำความดี จิตใจเราก็เบิกบานมีความสุข
นั่นต่างหากคือ การทำความดีอย่างยั่งยืนและไม่เดือดร้อนทั้งตัวเองและคนใกล้ชิด
ผมเชื่อในการปฏิบัติเพื่อความ “รู้แจ้ง”
และ “ตื่นรู้” ในความเป็นจริงของชีวิต
ผมไม่รู้ว่าผมอยากมีตาทิพย์ หูทิพย์ไปทำไม
ผมไม่ได้อยากสอนใคร หรือบอกใครว่าผมบรรลุธรรม
ของแบบนี้
ใครรู้ ใครทำ ใครได้
เหมือนคนใบ้กินน้ำผึ้ง
ซึ่งไม่อาจอธิบายความรู้แจ้งนี้ได้ด้วยถ้อยคำ
“ความเชื่อ” “ความศรัทธา” และ “ความงมงาย”
ล้วนป่ายปีนอยู่ในหลุมบ่อเดียวกัน
เราเองต้องเป็นผู้เลือกหนทางสู่การปีนขึ้นจากบ่อโคลนตมนี้ให้ได้
ด้วยตัวเราเอง....
เหมือนที่ใครบางคนเคยพูดไว้ว่า
“ศรัทธาของท่าน ก็เป็นของท่าน
ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา”
กล่องความคิดเห็น
การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่