:: ก๋าราณีตอบคำถามน้องอร ::
อยากถามอ้ายก๋าว่า
แมวตายแล้ว แมวจะมีวิญญาณเหมือนคนหรือเปล่า
แมวอรเพิ่งตายไปน่ะค่ะ แล้วก็ไปทำบุญสังฆทานให้
ไม่ทราบว่าแมวจะได้รับไหม
อ้ายก๋าคิดว่าไงคะ
คำถามโดย : thaispicy
สวัสดีครับน้องอร
เราลองมาทำความเข้าใจคำว่า “วิญญาณ” กันก่อนดีมั้ยครับ
เอาตามความเข้าใจของผมนะครับ....
“วิญญาณ” ในความหมายของผม
คือ อาการของการยึดติดทางอารมณ์และความรู้สึก
เรารับรู้ทุกสิ่งจาก
1. ตา
2. หู
3. จมูก
4. ลิ้น
5. กาย
และ 6. ใจ
5 ช่องทางของการรับรู้ คือ ตามองเห็น จมูกได้กลิ่น
ลิ้นรับรส หูได้ยินเสียง และกายสัมผัสร้อนหนาว
รับเสร็จเอามาปรุงต่อที่ใจหรือความคิดของเรา
เกิดเป็นอาการยึดติดในสิ่งที่เรารู้
ตอนนี้แหละครับที่ผมเรียกว่า “วิญญาณ”
วิญญาณของผมจึงไม่ใช่การถอดจิตออกจากร่าง
แล้วเที่ยวไปหลอกหลอนใครต่อใคร
ซึ่งถ้าผีเก่งขนาดนั้น เราไม่ต้องมีกองทัพหรอกครับ
จ้างหมอผีดีดีสักสามสิบคนก็พอ
เสกมันไป เอาควายธนูไปขวิดนิวเคลียร์
เอาผีกระหังไปโจมตีเครื่องบินไอพ่นซะเลย 55555
บุญจากการสังฆทานผมตอบไม่ได้นะครับว่า “ถึง” หรือ “ไม่ถึง” แมวของน้องอรที่ตายไป
แต่ที่ “ถึง” แน่นอน
คือ จิตแห่งความปรารถนาดีที่จะเห็นผู้อื่นมีความสุข
ใครก็ตามที่หัวเราะเยาะเมื่อเห็นคนร้องไห้เพราะแมวหรือหมาตาย
ผมว่าเค้าควรคิดใหม่.....คิดอีกที คิดดูดีดี
ว่าแท้ที่จริงแล้วไม่ว่ายุง แมว เสือ ช้าง
คนอเมริกา คนญี่ปุ่น หรือแม้แต่ก้อนหิน ต้นไม้
ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเหมือนกันทั้งหมดทั้งสิ้น
ถูกสร้างยังไม่พอ เรายังไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่แบบอมตะ
คงทนไปตลอดกาลอีกด้วย
พระเจ้าสร้างเราขึ้นมาพร้อมกฎที่ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้
นั่นคือ เกิดขึ้น(กำเนิด) ตั้งอยู่ (ใช้ชีวิต) และดับไป (ตายหรือเสื่อมสิ้นสภาพ)
เพราะฉะนั้นจะแมวหรือคน มีหนึ่งชีวิตเท่ากัน
ตัวเรากับขี้หมาแห้งไม่ได้มีอะไรที่ต่างกัน
ถึงช่วงเวลาหนึ่งก็แตกดับและเสื่อมสลาย
เพียงแต่มนุษย์เราพูดได้ สร้างสรรค์สิ่งต่างๆได้เท่านั้นเอง
เรามีปัญญาที่สามารถเลือกที่จะแยกแยะความดี-ความเลว
เรามีสมองให้คิด ค้นคว้า สร้างสรรค์อะไรใหม่ๆได้
และที่สำคัญที่สุด.....
เรามีปัญญาที่จะรู้ว่า โลกนี้มีทั้ง “ผู้สร้าง” และ “สิ่งที่ถูกสร้าง”
หากอยากเป็นอมตะและอยู่เหนือการเกิด-ตาย
ทางเดียวคือการมีสภาวะเดียวกันกับองค์ธรรมชาติผู้สร้างเราขึ้นมา
น้องอรครับ
การทำบุญสังฆทาน
เหมือนการดื่มน้ำจากแก้ว
แม้เราจะปรารถนาดีเพียงใด
คนที่รับรู้ได้ก่อนก็คือ ตัวเรา
เราทำ เรามีความสุข
บุญเกิดที่ใจเราทันที
เมื่อเราปรารถนาดีและอยากเห็นสรรพชีวิต
มีความสุขทั้งตอนมีชีวิตอยู่และห้วงยามที่ตายจากกันไป
นั่นทำให้เรามีความสุขในใจ
และทำให้เรารับรู้ความจริงที่ว่า
ไม่ว่าชีวิตของใครหรือสิ่งใด
วันหนึ่งย่อมต้องจากกันเป็นธรรมดาของโลก
ไม่ว่า “บุญ” ที่เราทำด้วยวิธีสังฆทานนั้น
จะไปถึงยังผู้ล่วงลับไปแล้วหรือไม่
ผมคิดว่ามันไม่สำคัญเท่ากับเราได้เข้าถึงซึ่งความจริงแห่งชีวิต
ในเรื่องของความตายหรือไม่มากกว่า
และที่สำคัญ....การทำ “บุญ” นี้
จะสอนให้เราเข้าถึงความจริงในเรื่อง
“ความเท่าเทียมกันของสรรพชีวิต”
และเมื่อเรารู้แจ้งถึงความจริงข้อนี้
เราก็ใกล้ที่จะเข้าสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาตินั่นเอง
กล่องความคิดเห็น
การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่