บทความทั่วไป

:: ก๋าราณีตอบคำถามพี่โย ::

กะว่าก๋า



ผมมีเรื่องสงสัยอีกเรื่องนึงครับ ......

ในฐานะที่ผมศึกษาเทคโนโลยีทางทหารมานาน
แต่ผมก็เหมือนคนที่ศึกษาเทคโนโลยีอย่างจริง ๆ จัง ๆ ทั้งหลาย
ก็คือ เกลียดสงคราม

เพราะแต่ละคนรู้ดีว่า อาวุธที่ใช้ในสงคราม
มันฆ่าคนได้มากแค่ไหน

ผมว่าผมพอทราบหลาย ๆอย่างเกี่ยวกับสงคราม .......
แต่มีคำถามหนึ่งที่ยังไม่รู้ .......
ฉะนั้นวันนี้ผมจะถามคำถามเดียวก็คือ

...
...

"ทำยังไงจะไม่ให้เกิดสงครามครับ"

...
...

ปล. ขออนุญาตสร้างเงื่อนไขนิดนึงว่าอยากได้คำตอบแบบเฮียก๋า
ไม่ใช่แบบของซิกแมนด์ ฟรอยด์นะครับ ^ ^



คำถามโดย : Analayo










******************************





พี่โยเคยดูหนังจีนเรื่อง “วีรบุรุษ” มั้ยครับ
ชื่ออังกฤษว่า HERO ครับ


ในห้วงที่เมืองจีนแบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่า
ยุคชุนชิว จั้นกว๋อ ....

ฉินสื่อหวาง หรือ จิ๋นซีฮ่องเต้ ผู้รวบรวมแว่นแคว้นจนเป็น “หนึ่งเดียว”
ได้กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา



เพลงดาบขั้นสุดยอด....

ขั้นแรกของเพลงดาบ ต้องการความเป็นหนึ่งเดียว
ระหว่างคนและดาบ
คนคือดาบ....ดาบคือคน
แม้แต่หญ้าในมือ ยังใช้เป็นอาวุธได้

...ขั้นที่สองของเพลงดาบ คือ ดาบต้องอยู่ที่ใจ
แม้เพียงมือเปล่า ยังฆ่าได้ในระยะหนึ่งร้อยก้าว
ด้วยดาบที่มองไม่เห็น

....ขั้นสูงสุดของเพลงดาบ
ไม่ต้องใช้ดาบแม้แต่น้อย
ไม่ต้องใช้ทั้ง “มือ” และ “หัวใจ”
มันคือ การมองทุกอย่างอย่างถ่องแท้
....มันไม่ใช่ “การฆ่า”
แต่มันคือ “สันติ”


ภาพยนตร์ : HERO









......................................................


 

 



ใครบางคนเคยกล่าวไว้

“อ่านสามก๊กจบ คบไม่ได้”

ไม่รู้เป็นด้วยเพราะเหตุนี้หรือเปล่า....
เลยไม่มีใครคบผม 5555

ผมอ่านสามก๊กจบไม่รู้กี่รอบ โดยเฉพาะเวอร์ชั่นการ์ตูน
อ่านไป 10 กว่าเวอร์ชั่นได้

สิ่งหนึ่งที่ผมซึมซับจากสามก๊กไม่ใช่กลยุทธ์ในการรบ
กุศโลบาย หรือ อุบายในการทำพิชัยสงคราม
ผู้คนพูดถึงแต่ความฉลาดของขงเบ้ง ความอ่อนน้อมของเล่าปี่
ความเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่ของโจโฉ และความเก่งกาจในการรบของซุนกวน

ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่อ่านสามก๊ก เพราะอยากรู้กลยุทธ์ในการเป็น “ผู้ยิ่งใหญ่”
เพื่อจะได้สามารถปกครองคนด้วยกลอุบายต่างๆ

รวมไปถึงการปรับใช้ “กลยุทธ์ในการรบ” ให้สอดคล้องกับ “กลยุทธ์ในการค้า”



แต่ผมอ่านสามก๊กแบบคนที่เห็นแต่ความพ่ายแพ้
สัจธรรมเดียวที่ผมรับรู้ ก็คือ

“ไม่มีใครยิ่งใหญ่ค้ำฟ้า หรือมีอำนาจไปได้ตลอดกาล”

ท้ายที่สุดทั้งซุนกวน เล่าปี่ โจโฉ ต่างต้องตายไปตามวาระสังขาร
แผ่นดินที่เคยมุ่งหมายเข่นฆ่า ทำสงครามเพื่อรวมประเทศ
กลับตกอยู่ภายใต้อุ้งมือของตระกูลสุมาอี้ สุมาเต๊กโช


คล้ายว่าสงครามที่รบพุ่งกันมาอย่างยาวนาน
ท่ามกลางกระดูก เลือดและกองสังขารที่ล้มหายตายจาก
เป็นเพียง “ความว่างเปล่าอันไร้ค่า”




.................................................


 



"ทำยังไงจะไม่ให้เกิดสงครามครับ"


ถ้าเราสามารถทำให้คนรู้ “ความเท่าเทียมกันของสรรพชีวิต” ได้
“สงคราม” ที่ไหนๆก็ไม่เกิดครับ
เราฆ่ากันเพราะ มึงเป็นคนผิวขาว กูเป็นคนผิวดำ
มึงเป็นคนพม่า กูเป็นคนไทย
มึงเป็นช่างกล กูเป็นช่างก่อสร้าง
มึงเป็นคริสต์ กูเป็นพุทธ มึงเป็นมุสลิม
ฯลฯ


ทั้งที่เมื่อกรีดแขน เลือดของเราที่ไหลรินออกมาล้วนแต่มีสีแดง

หากแต่เราถูกอำนาจครอบงำ ถูกความอยาก ความโลภครอบงำใจ

ครั้งแรกที่โลกถูกสร้างขึ้นมาโดยธรรมชาตินั้น
ไม่มีใครไปแบ่งนะครับว่าเขตแดนนี้ หรือเทือกเขานั้นเป็นของประเทศอะไร
แม้แต่ประเทศชาติโดยตัวมันเองก็เป็นสิ่งสมมติ

ความเป็นชาย หญิง ความเป็นคน สัตว์ สิ่งของ
ล้วนแต่ถูกสร้างขึ้น สมมติชื่อ เรียกขาน ครอบครอง
ปกป้อง หวงแหน

แต่สุดท้ายถามว่ามันมีอะไรที่คงทนตลอดไปไหม ?

---ไม่มี ----

มีแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่ในอดีตอันใดบ้างที่ยังคงอยู่ยืนยงไม่เปลี่ยนผัน
มีราชวงศ์ยิ่งใหญ่ใดบ้างที่คงทนไม่เปลี่ยนแปลง

มีใครเกิด ยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าแล้วไม่ตายบ้าง
ไม่ถูกฆ่าด้วยอาวุธหรืออุบัติเหตุ เราก็ต้องแก่ตายด้วยชีวิตของเราเอง



“รู้ความเท่าเทียมกันของสรรพชีวิต”

 


รู้ตัวเดียวเท่านี้ สงครามไม่เกิดขึ้นแน่นอน
เพราะเราไม่รู้จะรบราฆ่าฟันกันไปเพื่ออะไร
ในเมื่อคนเราเท่าเทียมกันในการเกิด แก่ เจ็บ และตาย
ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

อำนาจอันลวงตาหอมหวานและคงอยู่ได้ในแค่ชั่วอายุขัย
ถึงเวลาเมื่อเหตุเปลี่ยน ผลก็เปลี่ยน
เมื่อผลเปลี่ยน ปัจจัยก็เปลี่ยน

ไม่มีอะไรเลยที่คงทนถาวรและเป็นอมตะ
นอกจากความเป็นจริงของสัจธรรมแห่งชีวิต

กล่องความคิดเห็น

การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่