:: ก๋าราณีตอยคำถามพี่มิน ::
"คุณก๋า เชื่อในเรื่อง ชาติที่แล้ว
หรือ ชาติหน้า หรือป่าวคะ
มินไม่ถามในเรื่องของชาตินี้นะ
เพราะมันเป็นปัจจุบันที่เห็นได้อยู่"
คำถามอาจจะประหลาด กว่าชาวบ้านเขา นะคะ
แต่อยากฟังจากมุมมอง ของกูรูก๋า ดูบ้างค่ะ
คำถามโดย : มิน (มินทิวา )
สวัสดีครับคุณมิน
คุณมินเชื่อในเรื่องของพลังงานไฟฟ้ามั้ยครับ ?
คุณมินมองเห็นไฟฟ้ามั้ยครับ ?.....
แต่ไฟฟ้ามีพลังงานใช่มั้ยครับ ?
เข้าหลอดไฟให้แสงสว่าง เข้าพัดลมให้ลมเย็น
เข้าเครื่องดูดฝุ่นใช้ทำความสะอาด เข้าทีวีปรากฏเป็นภาพและเสียง
คำถามคือ เราจำเป็นต้องรู้มั้ยครับ
ว่าเมื่อพลังงานไฟฟ้าออกจากเครื่องใช้ไฟฟ้ายามที่เราปิดสวิทซ์นั้น.....
มันไปที่ใด ?.......
ผมเชื่อว่าชาติภพมีจริง
มนุษย์เราเองถือกำเนิดขึ้นจากการสั่งสมพลังงานอย่างต่อเนื่อง
สังเกตดูให้ดีเราจะพบว่ามันมีสัญญาณบางอย่างที่ติดตัวเรามาตลอด
เราเรียกสิ่งนี้ว่า “ความเคยชิน”
ทำไมบางคนถนัดซ้าย ทำไมบางคนทานปลาไม่ได้
ทำไมบางคนเกลียดกลัวบางสิ่งโดยไม่มีเหตุผล
บางคนทำไมร่าเริง บางคนทำไมอมทุกข์และชอบทำร้ายตัวเอง
นิสัยบางอย่างเราตอบได้ด้วยวิทยาศาสตร์ การวิเคราะห์
และการอบรมเลี้ยงดูในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน
แต่คำถาม คือ ทำไมฝาแฝดที่หน้าตาและการเลี้ยงดูเหมือนกัน
จึงมีพฤติกรรมที่แตกต่างกัน
มนุษย์เราเกิดและตายในวงจรของตัวเอง
แต่เมื่อตาย “จิต” ของเราไม่ได้ดับไปด้วย
มันยังคงทำงานต่อเหมือน “กระแสไฟฟ้า” ที่วิ่งไปวิ่งมาในอนุภาคของอากาศ
เมื่อรวมตัวกับธาตุและ “สิ่งที่ตนสำนึก”
จึงนำเรามาเกิดใหม่เป็นสิ่งต่างๆตามแต่ที่ “ธรรมชาติ” จะกำหนดให้
ชาติภพก็เช่นเดียวกัน
มันจึงเป็นเพียงอดีตที่เราไม่อาจแก้ไขอะไรได้อีก
นอกจากรับรู้ว่าเราเคยเป็นอะไร
คำถาม คือ รู้แล้วมีประโยชน์อะไรมั้ย ?
เพราะแค่เรากระพริบตา
“ปัจจุบัน” ก็กลายเป็น “อดีต” อย่างรวดเร็ว
ชาติหน้ามีจริงมั้ย ?
มีแน่นอน....
แต่เราจะเกิดมาอีกไหม ?
ถ้าอยากเกิด ก็ต้องเตรียมใจยอมรับ “ความทุกข์” ที่จะเกิดขึ้นด้วย
ทุกข์จากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย และพลัดพรากจากสิ่งหรือวัตถุอันเป็นที่รัก
เกิดอีก ก็ต้องเจอทุกข์แบบนี้นะครับ
ยกเว้นว่าเราสามารถอยู่เหนือการเกิดหรือตาย
และไปอยู่ในสภาวะของผู้สร้าง หรือธรรมชาติได้
เมื่อไม่เกิด ก็ไม่ตาย
เมื่อไม่มีตัวตน ก็ไม่มีเจ้ากรรมนายเวร
ไม่มีชาติภพ ไม่มีชาติหน้า
อยู่นอกเหตุเหนือผล และอยู่เหนือกาลเวลา
และเมื่อเป็นเช่นนี้...
ใยต้องไปสนใจกับการเกิดการตายอยู่ทำไม
ปล.
ขออนุญาตอธิบายคำว่า “กูรู” นะครับ
คำนี้แปลมาจากภาษาอังกฤษที่เขียนว่า KURU
จริงๆคำนี้อ่านออกเสียงว่า “ครุ”
ครุ ที่แปลว่า หนัก
หรือหมายความถึงครูผู้ชี้ทางสว่าง
ผมยังไม่อาจเป็น “ครุ” ได้นะครับ
แต่พออ่าน “กูรู” ที่ไร ผมมักจะนึกถึงคนอวดฉลาดที่ชอบบอกว่า “กูรู้”
ซึ่งบ่อยครั้งผมคิดว่าเขา “ไม่รู้” และสิ่งที่เขารู้ ก็ “รู้ไม่จริง”
(โดยเฉพาะสื่อมอมชน และ ชนชั้นปกครองในบ้านนี้เมืองนี้)
กล่องความคิดเห็น
การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่