บทความทั่วไป

:: ก๋าราณีตอบคำถามคุณหมอแมนต้า ::

กะว่าก๋า








อยากฝากคำถามเอาไว้คำถามหนึ่งว่า



"ทำอย่างไร ในการที่จะดำรงชีวิตไปในสังคม

ที่ได้ขีดเส้นบรรทัดฐานเอาไว้แล้ว

บรรทัดฐานนั้นคือว่า เราเกิดมา เติบโตผ่านวัยเด็ก
เรียนหนังสือ วัยรุ่นตอนปลายทำงาน

วัยผู้ใหญ่มีครอบครัว วัยชราอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุข"



บรรทัดฐานอันนี้เสมือนเรากำลังนั่งรถไฟไปกับคนอื่นๆอีกหลายคน

ที่มีจุดหมายคล้ายๆกัน

แต่สำหรับบางคน

เค้าไม่มีสิทธิแม้แต่จะขึ้นไปนั่งบนรถไฟขบวนนั้น

ถึงแม้ว่าในมือของเค้าจะถือตั๋วเอาไว้หนึ่งใบ
แต่เค้าก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปนั่งในรถขบวนนั้นได้

เพียงเพราะเค้าแตกต่าง




ความจริงผมก็มีคำตอบของมันแล้วหล่ะ
เพียงแต่ไม่มั่นใจว่าคำตอบของตัวเองถูกต้องเหมือนที่คนอื่นคิดหรือเปล่า

และอยากถามเผื่อเอาไว้สำหรับคนอีกหลายๆคน
ที่อาจถูกผลักลงมาจากรถขบวนนั้นเหมือนกัน





คำถามโดย : Dr.Manta

 

 

 



***********************************

















บรรทัดฐานเดียวที่ผมมี
คือ บรรทัดฐานของความเป็นจริงแห่งชีวิต
ที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจหนีพ้น
ต่อให้บุญหนักศักดิ์ใหญ่เพียงใด ร่ำรวยเพียงไหน
จะจนยากลำบากกาย สมบูรณ์พูนพร้อมหรือพิกลพิการ
จะมีตำแหน่งแห่งหนยิ่งใหญ่เพียงไหน
จะมีอาชีพสูงชั้นต่ำต้อยเพียงใด

ทุกคนล้วนตกอยู่ภายใต้หลักแห่งการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น


เมื่อมองจากมุมมองนี้
จะเป็นเศรษฐีหรือขอทาน
จะเป็นใครหน้าไหนก็ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย
เหมือนกันทั้งหมดทั้งสิ้น


แล้วอย่างนี้มีใครแตกต่างกันครับ
เราต่างเท่าเทียมกัน
เมื่อยามที่เราตายและร่างกายผุพังเน่าเหม็น










ที่เราคิดว่ามันต่าง
มันต่างเพราะเราเอาสิ่งที่อยู่ภายนอกมาตัดสินคนใช่ไหม
คนไหนเป็นคนรวย เราถึงให้การยกย่อง
คนไหนมียศฐาบรรดาศักดิ์ เราถึงให้เกียรติ
คนไหนมีอาชีพที่ดีในสังคม เราถึงจะชื่นชม


ในเช้าวันที่โลกนี้เหลือคนไม่กี่จำพวก
ผมคิดว่าคนเก็บขยะอาจมีคุณค่าในวิชาชีพของเขา
ไม่ต่างอะไรกับนายกรัฐมนตรี
เผลอๆถ้าบ้านเมืองสกปรกและเต็มไปด้วยขยะ
การมีนักการเมืองกับคนเก็บขยะ
ผมคงเลือกวิชาชีพที่มีประโยชน์ต่อสังคมมากกว่า.....


โลกนี้ไม่มีต่ำสูง
ที่มีต่ำสูงเพราะเราไปแบ่งแยกกันเอง











คุณรวยกว่าผม แล้วคุณไม่ตายเหรอ ?
เวลาคุณเจ็บป่วยจากโรคร้าย ถ้าคุณเป็นคนดี-คนชั่ว
ความเจ็บปวดมันต่างกันไหม ?


ธรรมชาติคือครูของเรา
ฟ้าไม่เคยบอกว่า เพราะคนๆนั้นเป็นคนเลว

ฉันจะไม่ให้ฝนไปตกที่นั่น
เพราะประเทศเรามีแต่นักการเมืองห่วยๆ

ดินจึงไม่ยอมให้ปลูกต้นไม้ได้งอกงาม

ไม่มีนะครับ .....

ฟ้าดินอุ้มชูสรรพสิ่งโดยไม่เคยแบ่งแยกรวย-จน ดี-ชั่ว

ฟ้าให้ลมให้ฝน ให้อากาศ ให้แสงสว่าง
น้ำให้ความชุ่มชื้น ดินให้การเจริญเติบโตงอกงาม

ทุกสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้มนุษย์
ให้แบบไม่เคยเรียกร้อง ให้แบบไม่เคยทวงบุญคุณ
มีแต่มนุษย์ที่ฉกฉวยและโลภจนไม่รู้จักพอ













ในมือของเขาถือตั๋วเอาไว้ในมือ
แล้วเหตุใดใยไม่กล้าเดินตรงเพื่อขึ้นขบวนรถไฟแห่งชีวิต
ความจนไม่ใช่สาเหตุที่เราจะต้องหลบตามองต่ำที่พื้นดินตลอดเวลา


จงกล้าสบตากับตัวเอง


คนด้อยโอกาสในสังคมมีอยู่จริง
แต่คนที่ด้อยค่าในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ไม่มีอยู่จริง
ขอเพียงเราอย่าดูถูกตัวเอง
ขอเพียงเราเข้าใจในหน้าที่ของตัวเอง

ใช่...เราอาจจน เราอาจไม่มีแต้มต่อทางสังคมที่ดีพอ
เราอาจไม่มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่มั่นคง
เราอาจรู้สึกตลอดเวลาว่าเราต่ำต้อยด้อยค่า


แต่ในชีวิตจริงเรามีความสุขกับสิ่งที่เราเป็นได้
เรามีสิทธิ์ภูมิใจในทุกสิ่งที่เราทำ
หากเราทำมันอย่างดีที่สุด


เหมือนคนกวาดพื้นถนนที่ตื่นเช้าขึ้นมาทุกเช้า
และลงมือกวาดถนนอย่างสุดความสามารถ
เขากวาดถนนด้วยความตั้งใจจริงชนิดที่ว่า
หากพระเจ้าพูดได้
พระองค์จะพูดว่า

“นี่คือคนกวาดถนนที่ดีที่สุดที่โลกเคยมี”



คุณเคยทำอะไรแบบนี้กับตัวเองบ้างหรือยัง
ก่อนที่จะตัดสินใจทิ้งตั๋วรถไฟที่อยู่ในมือ

ก้มหน้า...แล้วแหงนหน้ามองฟ้า
ดูเมฆเคลื่อนไหว ดูแสงแดดจ้าที่แผดกล้า


โลกนี้ไม่มีสิทธิ์กดคุณให้ต่ำเตี้ย
ถ้าคุณไม่ยอมรับ


คนเราเกิดตายเหมือนกันทุกคน....
เมื่อถึงวันที่เราจากโลกนี้ไป...
สิ่งที่เราทำ จะเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึง
ไม่ใช่สิ่งที่เรามี












จงอย่าใช้ชีวิต แค่ เกิด กิน กาม แก่ แล้วก็ตาย
ทำทุกวินาทีของชีวิตให้มีคุณค่ามากที่สุด
เพราะคุณจะมีชีวิตเพียงครั้งเดียวเพื่อใช้มัน

อย่าให้สิ่งต่างๆที่จอมปลอมและไม่คงทน
มากดคุณให้เข้าสู่เบ้าหลอมของการหวาดกลัวในการใช้ชีวิต


สบตากับชีวิตอย่างจริงจังสักครั้ง
แล้วเดินขึ้นสู่ขบวนรถไฟอย่างมุ่งมั่นตั้งใจสักครั้งเถิด

แล้วคุณจะรู้ว่า ---



“ชีวิต...นั้นเป็นอะไรที่มากกว่าชีวิต”



และ


“ชีวิตที่คุณได้ใช้มันอย่างดีที่สุด....
มันจะอยู่เหนือความตาย”


 




กล่องความคิดเห็น

การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่