บทความทั่วไป

:: ความสุขผลิใบในทุกเช้า ::

กะว่าก๋า

:: กะก๋าแนะนำหนังสือ ::




:: ความสุขผลิใบในทุกเช้า ::




เขียนโดย : ปะการัง





















ทุกเช้า
ฉันเดินไปทำงาน
ท่ามกลางเสียงดังมากมาย
เสียงอึกทึกครึกโครมของรถรายวดยาน
เสียงชีวิตที่เต้นเร่าไปตามกระแสเสียงของการดิ้นรน
เสียงหายใจทอดถอนด้วยความเหนื่อยอ่อนใจ
เสียงหมาเห่าเมื่อมีคนแปลกหน้าเดินผ่านหน้าบ้าน
เสียงด่าทอของสองผัวเมียที่ดังลอดผ่านรั้วบ้าน
ฯลฯ


ท่ามกลางเสียงอึงอล


ฉันเลือกฟังแต่เสียงนกร้อง

















“ความสุขผลิใบในทุกเช้า”



เป็นหนังสือความเรียง...
ความเรียงที่ใช้ภาษาได้งดงามราวภาษากวี
ผนวกกับเรื่องเล่ามากมายที่เรียงร้อยกันเป็นเนื้อเดียว
ไม่ว่าผู้เขียนจะเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาด้วยเหตุผลอะไร
สิ่งที่คนอ่านอย่างฉันได้รับ...
นั่นคือ การชุบชูใจในวันที่เสียงดังยังก้องกึกอยู่รอบตัว
ตัวอักษรในหนังสือเล่มนี้ทำให้ใจสงบ
และชวนให้เราได้นั่งนิ่งๆเพื่อคิด
ค้นหาความหมายที่หายไปในระหว่างทาง
ที่เรามุ่งที่จะวิ่งแข่งขันไปยังเส้นทางของการทำมาหากินและใช้ชีวิต
โดยหลงลืมความสวยงามรอบกายมากมายที่เราละเลยไป....





















หลายเรื่องในหนังสือสะกิดใจให้เราได้ฉุกคิดถึงด้านที่งดงามของชีวิต
...ชีวิตที่ไม่ได้มีแต่การเหยียบคันเร่งแล้วพุ่งทะยานไปแสวงหาความสำเร็จ
แต่ “ความสุขที่แท้จริงของชีวิต” อาจเป็นเพียงเสียงเล็กเล็ก
ที่เราไม่เคยใส่ใจจะฟังอย่างลึกซึ้ง
ความสุขในชีวิต...อาจเป็นสิ่งที่เรามองเห็น แต่ไม่เคยใส่ใจที่จะมองดูมันอย่างตั้งใจ


ที่สุดแล้วเราอาจทำได้แม้แต่การทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
คดโกง เห็นแก่ตัว ฉกฉวย
เพียงเพราะอยากเป็นผู้ชนะ
โดยไม่สนใจวิธีการที่ทำให้ได้มาซึ่งชัยชนะ



ชีวิตที่ดีจึงไม่ได้หมายถึงชีวิตที่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น




















“ผู้คน” มากมายในเรื่องเล่าในหนังสือเล่มนี้
จึงเป็นบุคคลธรรมดาที่ไม่ธรรมดา
เป็นคนผู้ที่ได้ “ให้” สิ่งที่ดีที่สุดของตนออกไป
โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดใด




เช่น



บิล ชายผู้เคยประสบเหตุการณ์เส้นเลือดในสมองแตก
หลังจากได้รับการเยียวยาจนหายดี
เขามอบกำลังใจกลับไปให้กับผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาล
ด้วยการเป็นอาสาสมัครคอยพูดคุยให้กำลังใจกับผู้ป่วยรายอื่น
โดยไม่มีผลตอบแทนใดใดตอบกลับมานอกจาก “รอยยิ้ม”


นิค วูจิซิค...ชายพิการผู้ใจไม่พิการ
ผู้ได้ใช้ร่างกายที่พิการของเขาสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนมากมายทั่วโลก
ด้วยการไม่ยอมแพ้ต่อความพิการของตนเอง
และพยายามต่อสู้กับความไม่เพียบพร้อมของตนอย่างถึงที่สุด


ลุงทอม..ผู้ปลูกต้นไม้เพื่อให้เพื่อนบ้านได้ชื่นชมและดอมดมกลิ่นหอม
ปลูกต้นไม้ที่ให้ผล และพร้อมแจกจ่ายไปยังเพื่อนบ้านและคนที่เดินผ่านไปมาโดยไม่เคยหวงแหน



คาร์ล...ชายผิวดำวัยแปดสิบ
ผู้เป็นชาวสวนแล้วถูกเด็กเกเรทำร้ายรังแกอยู่ตลอด
แต่เขามอบรอยยิ้มกลับไปในทุกครั้งที่ถูกรังแก
ที่สุดความรักก็มีพลังเหนือความโกรธและความเกลียดชัง


ฯลฯ


























หลายครั้งในชีวิต
เราคิดว่าเราเป็นเพียงฟันเฟืองตัวเล็กเล็ก
ที่อาจไม่มีความหมายและไร้ค่าราคากับคนรอบข้าง
นั่นเป็นเพียงการประเมินที่เรามีกับตนเอง....

ขอเพียงเราเปิดใจมอง และลงมือทำสิ่งเล็กเล็ก...
สิ่งที่เราทำได้ ....ขอให้ทำสิ่งนี้อย่างดีที่สุด

เราอาจพบว่าสิ่งเล็กเล็กที่เราทำอยู่
อาจเคลื่อนโลกให้ไหวสะเทือนได้

และถึงแม้ว่าที่สุดแล้วมันอาจไม่ได้เปลี่ยนแปลงใครเลย
อย่างน้อยที่สุด....
มันก็เปลี่ยนแปลงตัวเราให้ดีขึ้นไม่ใช่หรือ...















ทุกเช้า
ฉันเดินไปทำงาน
ท่ามกลางเสียงดังมากมาย
เสียงอึกทึกครึกโครมของรถรายวดยาน
เสียงชีวิตที่เต้นเร่าไปตามกระแสเสียงของการดิ้นรน
เสียงหายใจทอดถอนด้วยความเหนื่อยอ่อนใจ
เสียงหมาเห่าเมื่อมีคนแปลกหน้าเดินผ่านหน้าบ้าน
เสียงด่าทอของสองผัวเมียที่ดังลอดผ่านรั้วบ้าน
ฯลฯ


ท่ามกลางเสียงอึงอล


ฉันเลือกฟังแต่เสียงนกร้อง




.

.

.




“ความสุขผลิใบในทุกเช้า”



แม้ในวันที่คุณเหงาเศร้าที่สุดของชีวิต
โลกก็ไม่ได้ร้องไห้ไปกับคุณ
ความสุขก็ยังคงผลิใบอ่อนอย่างนับเนื่อง

มีเพียงตัวเราเท่านั้นที่จะเลือกมอง เลือกคิด
เลือกทำอย่างไรกับชีวิตตัวเอง

ใครก็เศร้าแทนเราไม่ได้
ใครก็สุขแทนเราไม่ได้




นกตัวนั้นยังส่งเสียงร้องทุกวัน
เพียงแค่เราจะฟังเสียงนั้น
เป็นเสียงแห่งความทุกข์น่ารำคาญ
หรือฟังเป็นเสียงแห่งความสุขที่กำลังผลิบานในยามเช้าเท่านั้นเอง.
















 

กล่องความคิดเห็น

การแสดงความคิดเห็นเปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น
ลงชื่อเข้าระบบสมาชิก หรือ สมัครสมาชิกใหม่